กันแดดสำคัญแค่ไหน ? หลายคนอาจตั้งคำถามและละเลยกับสิ่งนี้ไป แม้ว่าการเล่นกีฬากลางแจ้งเป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพและความแข็งแรงของร่างกาย แต่ในขณะเดียวกัน การเผชิญกับแสงแดดเป็นเวลานานก็อาจส่งผลเสียต่อผิวหนังได้โดยไม่รู้ตัว รังสี UV สามารถทำให้ผิวไหม้แดด เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนัง
นักกีฬาหลายคนอาจมองข้ามความสำคัญของการใช้ครีมกันแดด คิดว่าเพียงแค่ใส่หมวกหรืออยู่กลางแจ้งไม่นานก็เพียงพอแล้ว แต่ความจริงคือ ครีมกันแดดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักกีฬาไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ้อมในร่มหรือกลางแจ้ง เพราะรังสี UV สามารถทำร้ายผิวได้แม้ในวันที่มีเมฆมากหากคุณยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกครีมกันแดดแบบไหน หรือใช้กันแดดอย่างไรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด บทความนี้มีคำตอบสำหรับคุณ
กันแดดสำคัญแค่ไหน สำหรับนักกีฬา
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักกีฬากลางแจ้งหรือนักกีฬาที่ฝึกซ้อมในร่ม ครีมกันแดด เป็นสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม เพราะรังสี UV ไม่ได้ส่งผลแค่เรื่องผิวคล้ำเสีย แต่ยังสร้างความเสียหายต่อผิวหนังในระดับลึก และอาจนำไปสู่ปัญหาร้ายแรง เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ และมะเร็งผิวหนัง
รังสี UV กับผลกระทบต่อผิวของนักกีฬา
รังสี UV มีอยู่ 2 ประเภทหลัก ๆ คือ UVA และ UVB
- UVA มีคลื่นยาว สามารถทะลุเข้าสู่ชั้นหนังแท้ ทำลายคอลลาเจน ทำให้ผิวเหี่ยวย่น และเกิดฝ้าได้ง่าย
- UVB เป็นตัวการของผิวไหม้แดด อาการแสบแดง และเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งผิวหนัง
นักกีฬาที่ต้องเผชิญกับแสงแดดเป็นเวลานานโดยไม่มีการป้องกัน มีโอกาสเกิดความเสียหายต่อผิวสูงกว่าคนทั่วไป
ประโยชน์ของครีมกันแดดต่อสมรรถนะของนักกีฬา
นอกจากการป้องกันปัญหาผิวแล้ว ครีมกันแดดยังช่วยให้คุณเล่นกีฬาได้ดีขึ้น!
- ลดอาการแสบแดง ผิวที่โดนแดดเผาจะรู้สึกไม่สบายตัว ส่งผลให้คุณโฟกัสกับเกมหรือการฝึกซ้อมได้น้อยลง
- ป้องกันอาการอ่อนเพลียจากแดด การโดนแดดจัดเป็นเวลานานทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและพลังงานเร็วขึ้น ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพในการเล่นกีฬาลดลง
- ช่วยให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น ถ้าผิวโดนแดดทำร้ายมากเกินไป ร่างกายต้องใช้พลังงานในการซ่อมแซมมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้เวลาพักฟื้นนานกว่าปกติ
วิธีเลือกครีมกันแดดสำหรับนักกีฬา
สำหรับนักกีฬา ครีมกันแดดไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่เป็นเกราะป้องกันผิวจากแสงแดดและรังสี UV การเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมจึงมีผลโดยตรงต่อทั้งสุขภาพผิวและสมรรถนะในการเล่นกีฬา แล้วควรเลือกอย่างไรให้เหมาะกับกิจกรรมของคุณ?
1. ค่า SPF และ PA – ควรเลือกเท่าไหร่?
ค่า SPF และ PA เป็นตัวบอกระดับการป้องกันรังสี UV
- SPF (Sun Protection Factor) ป้องกัน UVB ที่เป็นสาเหตุของผิวไหม้แดด ค่า SPF 30 ขึ้นไป ถือว่าเพียงพอ แต่ถ้าเป็นกีฬากลางแจ้งที่ต้องเจอแดดแรง เช่น วิ่งมาราธอน หรือปั่นจักรยาน SPF 50+ จะช่วยให้ปกป้องผิวได้นานขึ้น
- PA (Protection Grade of UVA) ป้องกันรังสี UVA ที่ทำให้เกิดริ้วรอยและฝ้า ควรเลือก PA+++ หรือ PA++++ เพื่อป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ
2. เนื้อสัมผัส – ครีม โลชั่น เจล หรือสเปรย์ แบบไหนดีกว่ากัน?
นักกีฬาต้องเคลื่อนไหวตลอดเวลา ครีมกันแดดที่หนักและเหนียวเหนอะหนะอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี ควรเลือกเนื้อสัมผัสที่ซึมซาบเร็วและสบายผิว เช่น
- เจลหรือโลชั่น – ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ เหมาะกับกีฬาที่ต้องเคลื่อนไหวเยอะ
- สเปรย์ – ใช้ง่าย พกสะดวก แต่ควรใช้ร่วมกับครีมหรือโลชั่นเพื่อให้ติดทนนานขึ้น
- สติ๊ก (แบบแท่ง) – เหมาะสำหรับทาซ้ำจุดสำคัญ เช่น หน้า จมูก หรือหลังคอ
3. กันน้ำและกันเหงื่อ – สำคัญแค่ไหน?
สำหรับนักกีฬากลางแจ้ง หรือกีฬาที่มีเหงื่อออกมาก เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน ควรเลือก ครีมกันแดดที่กันน้ำและกันเหงื่อได้ดี โดยดูจากฉลากที่มีคำว่า Water-Resistant หรือ Sweat-Resistant ซึ่งมักกันน้ำได้ประมาณ 40-80 นาที ควรทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงเพื่อการปกป้องที่ต่อเนื่อง
4. ส่วนผสมสำคัญที่ควรมองหา
- Zinc Oxide และ Titanium Dioxide – ส่วนผสมหลักของ Physical Sunscreen ที่สะท้อนรังสี UV ออกไปจากผิว ปลอดภัยและอ่อนโยน
- Antioxidants เช่น วิตามิน C และ E – ช่วยลดการอักเสบของผิวจากแสงแดด
- Hyaluronic Acid หรือ Aloe Vera – ให้ความชุ่มชื้น ลดการระคายเคือง
5. ควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมอะไรบ้าง?
- น้ำหอม (Fragrance) – อาจทำให้ผิวแพ้หรือระคายเคือง โดยเฉพาะนักกีฬาที่มีผิวบอบบาง
- แอลกอฮอล์ (Alcohol Denat.) – ทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองง่าย
- Oxybenzone และ Octinoxate – สารกันแดดเคมีที่อาจส่งผลกระทบต่อผิวและสิ่งแวดล้อม
วิธีใช้ครีมกันแดดอย่างถูกต้องสำหรับนักกีฬา
การใช้ครีมกันแดดอย่างถูกต้องสำคัญพอ ๆ กับการเลือกสูตรที่เหมาะสม โดยเฉพาะสำหรับนักกีฬาที่ต้องเผชิญกับแสงแดดเป็นเวลานาน หรือมีกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก การใช้ผิดวิธีอาจทำให้การปกป้องผิวลดลง แล้วต้องใช้กันแดดอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด?
1. ทากันแดดก่อนออกแดดกี่นาที?
ควรทาครีมกันแดด อย่างน้อย 15-30 นาที ก่อนออกแดด เพื่อให้สารกันแดดเซ็ตตัวและเริ่มทำงาน หากเป็น กันแดดแบบเคมี (Chemical Sunscreen) ควรเผื่อเวลาให้ซึมเข้าสู่ผิวเพื่อป้องกัน UV อย่างเต็มที่ ส่วน กันแดดแบบกายภาพ (Physical Sunscreen) ที่มี Zinc Oxide หรือ Titanium Dioxide สามารถปกป้องผิวได้ทันที แต่เพื่อความแน่นอน ควรทาก่อนออกแดดเสมอ
2. ควรทาซ้ำบ่อยแค่ไหน โดยเฉพาะเมื่อต้องเหงื่อออกหรือลงน้ำ?
- ปกติแล้วควร ทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง เพื่อการปกป้องที่ต่อเนื่อง
- หากทำกิจกรรมที่มีเหงื่อออกมาก หรืออยู่ในน้ำ ควรเลือกกันแดด Water-Resistant หรือ Sweat-Resistant และทาซ้ำทุก 40-80 นาที ตามคำแนะนำบนฉลาก
- อย่าคิดว่าแค่กันแดดติดผิวอยู่แล้วจะพอ เพราะเหงื่อ การเช็ดหน้า หรือการสัมผัสตัวเอง อาจทำให้กันแดดหลุดได้เร็วกว่าปกติ
3. วิธีการทาให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
- ใช้ในปริมาณที่เพียงพอ – นักกีฬาหลายคนมักทากันแดดน้อยเกินไป ปริมาณที่แนะนำคือ ประมาณ 2 ข้อนิ้วมือสำหรับใบหน้า และ 1 ออนซ์ (ประมาณ 1 แก้วช็อต) สำหรับร่างกาย
- ทาให้ทั่วถึง ไม่เว้นจุดสำคัญ – บริเวณที่มักถูกมองข้าม ได้แก่
- หู – โดยเฉพาะสำหรับนักกีฬากลางแจ้ง
- หลังคอ – จุดนี้โดนแดดตรง ๆ บ่อยแต่หลายคนมักลืม
- มือและนิ้วมือ – โดยเฉพาะถ้าต้องจับอุปกรณ์กีฬากลางแจ้ง
- หลังขาและเท้า – สำหรับนักวิ่ง นักว่ายน้ำ หรือกีฬาที่ต้องใส่รองเท้าแตะ
- ทาซ้ำแม้ใช้สเปรย์กันแดด – ถ้าใช้กันแดดแบบสเปรย์ อย่าฉีดแล้วคิดว่าจบ ควรใช้มือเกลี่ยให้ทั่วเพื่อให้แน่ใจว่าผิวได้รับการปกป้องอย่างทั่วถึง
สรุปแล้ว การใช้ครีมกันแดดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักกีฬาทุกประเภท ไม่ใช่แค่เพื่อป้องกันผิวจากความหมองคล้ำหรือริ้วรอยก่อนวัย แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งผิวหนังและปัญหาผิวอื่น ๆ ที่เกิดจากรังสี UV การเลือกกันแดดที่เหมาะสม เช่น ค่า SPF และ PA ที่เพียงพอ เนื้อสัมผัสที่ไม่เหนียวเหนอะหนะ และคุณสมบัติกันน้ำกันเหงื่อ จะช่วยให้คุณสามารถเล่นกีฬาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ที่สำคัญ การใช้ครีมกันแดดอย่างถูกวิธี เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยให้การปกป้องผิวมีประสิทธิภาพมากขึ้น ควรทาก่อนออกแดด 15-30 นาที ใช้ในปริมาณที่เพียงพอ และทาซ้ำตามความเหมาะสม โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอเหงื่อหรือลงน้ำ
อย่าปล่อยให้แสงแดดเป็นอุปสรรคต่อสุขภาพผิวและสมรรถภาพทางกีฬา เลือกกันแดดที่ใช่ ใช้ให้ถูกวิธี แล้วออกไปสนุกกับกีฬาที่คุณรักได้อย่างมั่นใจ!
คำถามที่พบบ่อย
1. นักกีฬาต้องใช้ครีมกันแดดทุกวันหรือไม่?
ใช่ ควรใช้ทุกวัน แม้ว่าจะเป็นวันที่มีเมฆมากหรือไม่ได้ออกแดดโดยตรง เพราะรังสี UVA สามารถทะลุกระจกและเสื้อผ้าบางประเภทได้
2. ครีมกันแดดแบบกันน้ำต้องทาซ้ำบ่อยแค่ไหน?
ถึงแม้จะเป็นสูตรกันน้ำ ก็ควร ทาซ้ำทุก 40-80 นาที โดยเฉพาะถ้ามีเหงื่อออกมากหรือหลังจากลงน้ำ
3. ถ้าทาครีมกันแดดแล้ว ยังต้องใส่เสื้อแขนยาวหรือหมวกไหม?
ควรใช้ร่วมกันเพื่อการป้องกันที่ดีที่สุด การใส่เสื้อผ้าที่มีคุณสมบัติป้องกัน UV หมวก และแว่นกันแดด จะช่วยลดความเสี่ยงของการถูกทำร้ายจากรังสี UV ได้มากขึ้น
4. นักกีฬาที่เล่นกีฬาในร่มจำเป็นต้องใช้ครีมกันแดดหรือไม่?
แนะนำให้ใช้ โดยเฉพาะถ้าคุณฝึกซ้อมในสถานที่ที่มีแสงแดดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง เพราะรังสี UVA สามารถทะลุผ่านกระจกและทำร้ายผิวได้