เคยคิดไหมว่า ถ้าหากคุณเป็น คนหน้าตาดี มีผิวหน้าขาวใสจนใคร ๆ ต้องเหลียวมองแล้วหละก็จะทำให้คุณมีความสุขมากขึ้นขนาดไหน? จากการศึกษาวิจัยจากหลาย ๆ สถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศพบว่าผู้ที่มีลักษณะภายนอกที่ดูดีโดยเฉพาะใบหน้านั้นหรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็น ‘คนหน้าตาดี’ นั้น มีอาชีพการงานที่มั่นคงกว่าและมีรายได้ที่มากกว่า ปฎิเสธได้ยากว่าการที่หน้าตาดีนั้นนำมาซึ่งปัจจัยทางด้านการเงินที่มากขึ้น ผลที่ตามมาคือมีความสุขมากขึ้นตามไปด้วย นี่ยังไม่รวมถึงการที่มีหน้าตาเป็นอาวุธแล้วจะมีคู่ครองที่หน้าตาดีเช่นกันเป็นเงาตามตัว
หากจะให้เลือกเป็นผู้ที่เป็น คนหน้าตาดี หน้าขาวใส เทียบกับผู้ที่มีหน้าตาพื้น ๆ หรือถึงขั้นขี่เหร่แล้ว ไม่ต้องคิดเลยว่าคนเราทุกคนย่อมเลือกเป็นคนที่มีหน้าตาที่ดึงดูดกว่าเป็นธรรมดา แต่กระนั้นถึงแม้ว่าความสวยความหล่อนั้นไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของแต่ละบุคคลมากกว่า ว่าชอบแบบไหน ผอม อวบ สูง ไม่สูง ขาวหรือดำ มันก็แล้วแต่คนชอบจริงไหม แต่คงปฏิเสธได้ยากหละว่าสำหรับเมืองไทยและคนไทยนั้น การที่มีผิวพรรณโดยเฉพาะใบ หน้าขาวใส สว่าง เรียบเนียนนั้น มันคือเทสของคนไทยส่วนใหญ่ และแน่นอนว่าหากได้มาซึ่งใบหน้าใส ๆ ที่ดูสะอาดสะอ้าน เนียน ๆ แบบนั้นแล้ว จะทำให้อะไร ๆ ในชีวิตนั้นง่ายขึ้นทั้งในเรื่องความรักและการงาน การที่คุณเป็น ‘คนหน้าตาดี’ สามารถเปลี่ยนเป็นพลังเพิ่มความมั่นใจให้กับคุณได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งจะส่งผลดีให้กับตัวคุณในด้านอื่นๆของชีวิตด้วยเช่นกัน
[vc_separator color=”pink” style=”double”]
นักเรียนที่เป็น คนหน้าตาดี จะมีความมั่นใจมากกว่าคนอื่นเป็นผลให้กล้าแสดงออกมาขึ้น จึงมักเป็นที่สนใจและทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ดีกว่านักเรียนคนอื่น เป็นที่หมายปองของรุ่นพี่และรุ่นน้องเสมอ ในการสมัครงาน หากผู้สมัครมีความมั่นใจคุณสมบัตรเพียบพร้อมตามที่กำหนด แถมมีลักษณะภายนอกที่ดึงดูด คนหน้าตาดี กว่าคนอื่น ๆ ผู้สมัครคนนั้นก็จะมีโอกาสที่จะได้รับตำแหน่งในตำแหน่งที่ต้องการมากกว่าผู้สมัครคนอื่น ๆ หลายเท่าเลยทีเดียว
ตัวอย่างที่ยกมาเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของข้อดีที่จะได้รับเมื่อมีผิวพรรณ ผิวหน้าที่ ขาวใส เรียบเนียน แต่กระนั้นคนเราไม่อาจยึดติดหรือฝากทุกสิ่งไว้กับหน้าตาภายนอกเพียงอย่างเดียว ปัจจัยอื่น ๆ ก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เช่น ทัศนคติ การพูดจา บุคลิกภาพ การศึกษา แต่จะมีใครกล้าเถียงบ้างว่าลักษณะภายนอกนั้นมีบทบาทสำคัญมาก ๆ ไม่แพ้ปัจจัยอื่น ๆ เลย
แต่ก่อนอื่น การที่จะให้ได้มาซึ่งลักษณะภายนอกที่ดึงดูด ‘คนหน้าตาดี’ ผิวที่ขาวกระจ่างใสไร้ริ้วรอยไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดต้องอาศัยการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ถูกวิธีและมีวินัย เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่ถูกสุขลักษณะ การกินผักผลไม้เยอะ ๆ การดื่มน้ำมาก ๆ โดนแดดน้อย ๆ ซึ่งวิธีที่กล่าวมาทั้งหมดน้อยคนนักที่จะปฏิบัติได้ครบหรือหากปฏิบัตรได้ก็ไม่ได้ในระยะเวลาที่นานนัก อย่างไรก็ตามการปฏิบัติขั้นตอนดังกล่าวนั้นเป็นการยับยั้งซะมากกว่าที่จะช่วยขับให้ผิวขาวใส หากไม่ใช้ตัวช่วยอื่น เช่นการใช้ครีม หรือการฉีดผิว การทำเลเซอร์ต่าง ๆ ทั้งหมดนี้ยังไม่นับรวมถึงสิ่งต่างๆรอบตัวเรา ที่เป็นตัวฉุด ทำลายความสวยใสของผิวพรรณเราลงไปเรื่อย ๆ ทั้งอายุที่มากขึ้น แดด ฝุ่น มลภาวะ แอลกอฮอล์ บุหรี่ ฯลฯ
เพราะฉะนั้นจะไม่เป็นการดีกว่าหรือที่จะเปิดโอกาสให้ตัวเองมีสิ่งดีๆที่จะเข้ามาในอนาคตด้วยการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี ให้รางวัลกับผิวหน้าของเราบ้างซึ่งในปัจจุบันมีตัวช่วยมากมายที่จะทำให้ตัวเองดูดีขึ้น ด้วยเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ด้านความงามที่ก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ เพิ่มช่องทางให้คนเราสวย หล่อ ดูดีขึ้น ง่ายและได้ผลกว่าแต่ก่อนมาก ซึ่งต้องเลือกดูที่เหมาะสมได้ผลและคุ้มค่ากับจำนวนเงินที่ต้องเสียไปด้วย
[vc_separator color=”pink” style=”double”]
คนหน้าตาดี ผิวขาวใส มีประโยชน์อย่างไร?
ท้ายที่สุด อย่างที่บอกไปแล้วว่าอย่าฝากทุกอย่างไว้กับหน้าตาลักษณะภายนอกเพียงอย่างเดียว พยายามพัฒนาตัวเองในทุก ๆ ด้านทั้งภายนอกและภายใน รวมไปถึงสติปัญญาความคิดเพื่อที่จะได้มีความสุขกับชีวิตในระยะยาวนะ ทางเว็ปไซต์เรา แนะนำสิ่งดีๆ อย่างครีมมาร์คหน้าที่ดี่ที่สุดที่ปลอดภัย มี อย. ส่วนผสมได้คุณภาพเกรดพรีเมี่ยมอย่าง Re-Born Alpha Mask ให้ไปลองใช้กันดู คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป แถมผลลัพท์ที่ได้มา เรียกว่าดีสุด ๆ หน้าเนียนขาวใส ระงับปัญหาสิว รูขุมขนกระชับ ปรับสภาพหน้าให้สมดุลย์ เรียกว่าถ้าอยากเป็น คนหน้าตาดี Re-Born Alpha Mask ช่วยคุณได้แน่นอน
หน้าแก่ ทําไงดี ? เคล็ดลับหน้าเด็ก คนหน้าตาดี
ในภาพ รูปกลางคือคุณลุง McEliigott ส่วนรูปทางซ้ายและขวาคือรูปที่ผ่านการ photoshop เพื่อแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของอายุบนใบหน้า รูปซ้ายแสดงให้เห็นว่าถ้าเขาไม่เอาหน้าซีกซ้ายไปตากแดดขณะขับรถถึง 28 ปี ใบหน้าเขาจะดูเด็กกว่าขนาดไหน / รูปทางขวาแสดงให้เห็นว่าหน้าเขาจะแก่เพียงใดหากเขาโดนแดดขณะขับรถบันทุกเต็ม ๆ ทั่วใบหน้า
หน้าแก่ จนต้องช็อค!
หน้าแก่ ทําไงดี ? คุณลุงคนนี้อายุจริง ๆ ของเขาคือ 69 ปี แต่ว่าครึ่งหนึ่งของใบหน้าของคุณลุงดูแก่กว่าอายุจริงของเขามาก ๆ ดูเหมือน 80, 90 เลยซะด้วยซ้ำ เหตุผลที่ใบหน้าของลุงเป็นแบบนี้ก็เพราะว่าเขาทำงานเป็นคนขับรถบรรทุกมากว่า 28 ปี ซึ่งต้องขับรถตากแดดตอนกลางวันแทบทุกวันและมีเพียงใบหน้าซีกซ้ายเท่านั้นที่ปะทะกับแสงแดดเต็ม ๆ แน่นอนว่าสำหรับอาชีพคนขับรถบรรทุกอย่างคุณลุงแล้วคงไม่ได้ใส่ใจที่จะใช้ผลิตภัณฑ์อะไรที่ป้องกันภัยร้ายจากแสงแดดเป็นแน่ ซึ่งผลก็อย่างที่เห็นใบหน้าด้านซ้ายของเขาที่โดนแดดมากว่า 28 ปี ดูแก่กว่าใบหน้าซีกขวามาก ๆ
[vc_separator color=”pink” style=”double”]
รู้หรือไม่ว่าแสงแดดเป็นตัวการร้ายแรงที่สุดที่ทำให้หน้าแก่
เราอาจจะรู้มาตั้งนานแล้วว่ารังสีอัลตาไวโอเลต โดยเฉพาะ UVA ที่มาจากดวงอาทิตย์เป็นตัวการที่ทำให้อายุของผิวพรรณบนใบหน้าแซงหน้าอายุจริงหรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่าหน้าแก่ก่อนวัย แต่ใครจะคิดหละว่าผลลัพท์จากการเอาหน้าไปผึ่งแดดทุกวัน ๆ จะทำให้หน้าแก่ได้กว่าอายุจริง 10, 20 ปีแบบนี้ อาการแบบนี้ทางการแพทย์เรียกกันว่าโฟโต้เอจจิ้ง (Photoaging) ซึ่งเป็นอาการแก่ก่อนวัยของผิวพรรณอันเนื่องมาจากการได้รับรังสี UVA จากแสงแดดอย่างต่อเนื่องและเป็นระยะเวลานาน ในกรณีของคุณลุงในรูปมีเฉพาะใบหน้าซีกซ้ายของเขาเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ก็สืบเนื่องมาจากอาชีพของเขาที่ต้องขับรถตากแดด ทำให้ต้องเผชิญกับแสงแดดติดต่อกันหลาย ๆ ชั่วโมงจากทางหน้าต่างด้านซ้ายของรถบรรทุกที่เขาขับ
สรุปแล้วด้วยสาเหตที่ว่ารังสี UVA และ UVB นอกจากจะเร่งให้ผิวพรรณและใบหน้าแก่ก่อนวัยแล้ว ยังสามารถส่งผลให้ DNA ของคนเราเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลงอีกด้วย ทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังแนะนำเป็นเสียงเดียวกันว่า “ครีมกันแดด” เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทุกเพศทุกวัยเพราะเนื่องจากจะปกป้องผิวพรรณของคุณจากแสงแดดแล้ว ครีมกันแดดยังป้องกันการเป็นมะเร็งผิวหนังได้เป็นอย่างดี
อีกกรณีนึงคือฝาแฝด ‘แจน’ และ ‘ซูซาน’ มีลักษณะทางภายนอกเหมือนกันทุกอย่างตั้งแต่แรกเกิดจนตอนเด็ก ๆ นั้นไม่มีใครสามารถแยกให้ออกได้เลยว่าแต่ดูตอนนี้สิ (จากรูป) ความเหี่ยวย่นและรอยต่าง ๆ ดูเยอะจนแยกออกชัดเจนว่าใครเป็นใคร
รูปทางซ้ายคือแจน ทางขวาคือซูซาน รูปนี้ถ่ายตอนอายุ 60 เท่ากัน แต่สังเกตจากใบหน้า อายุของผิวต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นผลมาจากไลฟสไตล์ที่ต่างกันของทั้งคู่
คนไหนคือแจน คนไหนคือซูซาน…จากรูปเห็นได้ชัดเลยว่าซูซาน (ขวา) อายุของผิวพรรณบนใบหน้านำโด่ง แจน (ซ้าย) ไปเยอะมากทั้ง ๆ ที่อายุ 60 เท่ากัน นี่เป็นผลลัพธ์มาจากการไม่ใส่ใจกับการใช้ครีมกันแดดเท่าไหร่นักแถมชอบอาบแดดและเข้าอบผิวแทน (รวมทั้งสูบบุหรี่) เคสนี้เป็นผลการศึกษาสถาบัน University Hospitals Case Medical Center ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรแสงแดดมีความร้อนและมีอันตรายมากกว่าแสงแดดในประเทศที่อยู่ไกลจากเส้น ศูนย์สูตร เช่น ประเทศแถบยุโรปและอเมริกา ฉะนั้นทางที่ดีควรเลือกผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดที่ป้องกันแสงแดดที่เชื่อถือได้และเหมาะกับสภาพผิวของคุณ ถ้าคุณไม่อยากหน้าแก่เร็วแบบทั้ง 2 ตัวอย่างในรูป
[vc_separator color=”pink” style=”double”]
คนหน้าตาดี ทำยังไงให้หน้าเด็ก
[vc_separator color=”pink” style=”double”]
การสูบบุหรี่
ไม่ว่าตัวคุณเองจะสูบบุหรี่หรืออยู่ในบริเวณเดียวกับคนที่สูบบุหรี่ นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งในการทำร้ายผิวและสาเหตุหน้าโทรม จากผลการวิจัยรายงานว่า บุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอยและความแห้งกร้าน อีกทั้งเป็นตัวทำลายวิตามินซีในร่างกาย ซึ่งวิตามินซีในร่างกายของคนเราเป็นส่วนประกอบหลักที่ช่วยทำให้ผิวของเราชุ่มชื้น นักวิจัยบางท่านเชื่อว่าการสูบบุหรี่สามารถทำลายผิวของเราได้พอ ๆ กับการได้รับรังสียูวีจากแสงแดด
[vc_separator color=”pink” style=”double”]
แสงแดด
เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำลายผิวอย่างมากถ้าไม่ดูแลหรือไม่สามารถหลีกเลี่ยงผิวจากแสงแดด อาจทำให้ผิวเกิดจุดด่างดำ กระ ผิวแห้ง ริ้วรอย และเกิดการหย่อนคล้อย นอกจากนี้การที่ผิวโดนแสงแดดบ่อย ๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง แสงแดดที่ทำลายผิวนั้นสามารถเลี่ยงได้โดยผิวหนังที่ถูกแสงแดดทำลายสามารถฟื้นฟูได้
- ไปพบคุณหมอเพื่อตรวจดูว่าผิวหนังถูกแดดทำลายไปมากเพียงไหน มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งหรือไม่ คุณอาจได้รับยาเพื่อช่วยบรรเทาอาการที่ถูกแดดเผาทำลาย
- ถ้าคุณต้องการหลีกเลี่ยงผิวที่ดูแก่กว่าวัยอีกทั้งไม่สามารถหลีกเลี่ยงแสงแดดได้ อย่าลืมที่จะทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันรังสียูวีเอและยูวีบี โดยเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่าเอสพีเอฟ 15 ขึ้นไปและควรทาทุกวัน ไม่ว่าวันนั้นจะแดดออกหรือไม่ก็ตามเพราะว่ารังสียูวีนั้นมีอยู่ทุกที่
[vc_separator color=”pink” style=”double”]
ขาดการออกกำลังกาย
การออกกำลังกายช่วยในเรื่องของกล้ามเนื้อและการไหลเวียนของเลือด การออกกำลังกายเป็นหนึ่งในโปรแกรมการชะลอวัยที่สำคัญ การออกกำลังกายเป็นประจำนั้นนอกจากจะได้ประโยชน์ทางด้านร่างกายแล้วยังมีผลดีต่อผิวหน้าทำให้ดูอ่อนเยาว์อีกด้วย
[vc_separator color=”pink” style=”double”]
อากาศที่หนาวเย็น
อากาศที่หนาวเย็นส่งผลต่ออายุผิวของเราทำให้ผิวแห้งง่าย ดังนั้น ควรใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในร่มหรือในที่ที่มีอากาศร้อน ซึ่งอาจส่งผลให้ผิวแห้งการใช้มอยเจอร์ไรเซอร์นั้น ทำให้สบายผิและลดผลกระทบต่ออายุผิวของเราได้
[vc_separator color=”pink” style=”double”]
การดื่มแอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์ส่งผลต่ออายุผิวของคนเรา การดื่มแอลกอฮอล์ทำให้หลอดเลือดใต้ผิวหนังขยายตัว และเพิ่มการไหลเวียนของเลือด แต่ถ้าดื่มมากเกินไปหลอดเลือดจะถูกทำลายอย่างถาวร
[vc_separator color=”pink” style=”double”]
คนหน้าตาดี มักไม่เครียด
คุณอาจเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “อย่าขมวดคิ้ว เพราะจะทำให้ผิวเกิดริ้วรอย” ทั้งความเครียดและความกังวลทำให้เราต้องขมวดคิ้วอยู่บ่อย ๆ และเมื่อเราทำบ่อยครั้ง กล้ามเนื้อที่หน้าเราจะคงรูปนั้นไว้จนเกิดริ้วรอย…การชะลออายุผิวนั้นสามารถทำได้โดยลดความเครียดและควรเปลี่ยนอิริยาบถในการแสดงออกทางสีหน้าระหว่างวัน นอกจากนี้การนั่งสมาธิ การเล่นโยคะ และการออกกำลังกายอย่างเบา ๆ ก็ช่วยต่อต้านริ้วรอยทำให้คุณดูเด็กลงได้
[vc_separator color=”pink” style=”double”]
นอนหลับไม่เพียงพอ
การนอนพักผ่อนน้อยเกินไปจะทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้า เมื่อคุณนอนพักผ่อนไม่เพียงพอรอยหมองคล้ำที่ถุงใต้ตาและผิวที่หย่อนคล้อยจะแสดงออกที่ใบหน้าเป็นส่วนแรก ๆ นอกจากนี้ การพักผ่อนไม่เพียงพอ ยังเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญทำให้ความจำลดลง มีอาการหดหู่ รวมทั้งความสนใจในการทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ลดลงและคิดลบ งานวิจัยแสดงว่าผู้ใหญ่ควรนอนหลับพักผ่อน 8-9 ชั่วโมงจะดีที่สุด ลดคาเฟอีนระหว่างวัน (ควรงดคาเฟอีนช่วงเย็น) และหลีกเลี่ยงการทานอาหาร 2 ชั่วโมงก่อนนอนและควรพักผ่อนให้เป็นเวลา
[vc_separator color=”pink” style=”double”]
ครีมหน้าใส ปลอดภัยจริงหรืออันตราย
ครีมหน้าใส ปลอดภัยจริงหรืออันตราย เช็คครีมอันตราย ได้ เพราะจุดเริ่มต้นความฮิตของครีมหน้าใส ตั้งแต่กลางปี 2012 เป็นต้นมาจะเห็นว่าทั้งตลาดเครื่องสำอางทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศนั้นมีครีมหน้าใส ครีมมาร์คหน้า ครีมพอกหน้า ออกมามากมายหลายยี่ห้อซึ่งใช้แล้วทำให้มีผิวหน้าที่ขาวกระจ่างใส ลดปัญหาสิว จุดด่างดำลบเรือน แถมยังมีคุณสมบัติต่าง ๆ ที่ช่วยในเรื่องของความสวยความงามอีกมากมาย แถมยังฮิตติดตลาดจนมาถึงทุกวันนี้ซึ่งความนิยมดูจะไม่ลดลงมีแต่จะเพิ่มมากขึ้นซะด้วยซ้ำ แต่หารู้ไม่ว่าครีมพวกนี้ถึงจะมีสรรพคุณเลิศจริงแต่ก็มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยตามมาเช่นกัน หากใช้อย่างไม่ระวังและไม่ถูกวิธี คุณสามารถเช็คครีมอันตรายได้
[vc_separator color=”pink” style=”double”]
ปัญหาความ ปลอดภัย (อันตราย) ที่ตามมาหลังใช้ครีมหน้าใส
[vc_separator color=”pink” style=”double”]
ครีมมาร์คหน้าใสนั้นเห็นผลจริง ชัดเจนจริง ขาวจริง ใสจริง … แต่!!! ทำไมพอใช้ไปซักระยะ จึงเกิดปัญหาสิวทั้งผดและสิวอักเสบตามมาได้?
จึงเกิดการตั้งคำถามว่า ครีมหน้าใส สารพัดประโยชน์เหล่านี้ปลอดภัยจริงหรือไม่? ใช้สารปรอทหรือสารสเตียรอยด์เป็นส่วนผสมหรือเปล่า?
บางยี้ห้อถึงกับมีพริตตี้ เน็ทไอดอลคนดังออกมาต่อว่าแบรนด์ที่ตัวเองเคยเป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่ “ว่าใส่สารอันตราย ทำให้หน้าพัง” จริง ๆ แล้วมันอันตรายจริงหรือเปล่าหละ? ครีมชื่อดังเหล่านี้จงใจทำร้ายผู้บริโภคจริงหรือ ?
[vc_separator color=”pink” style=”double”]
ครีมหน้าใสมีสารอันตรายและปลอดภัย สำหรับ คนหน้าตาดี หรือไม่?
คำตอบคือ ส่วนใหญ่ครีมมาร์คหน้าครีมหน้าใสที่มี อย. หรือมีเลขที่จดแจ้งกำกับจะไม่มีสารปรอทหรือสเตียรอยด์อยู่เพราะว่าการที่โรงงานจะผลิตมาขายให้กับผู้สร้างแบรนด์นั้น หากใส่สารปรอทหรือสเตียรอยด์ถือว่าผิดกฎหมายและคงไม่มีโรงงานที่ลงทุนสร้างมาราคาหลายสิบล้าน ร้อยล้าน โรงงานไหนอยากเสี่ยงเอาชื่อเสียงของโรงงานไปทิ้งไว้กับกำไรนิดหน่อยเป็นแน่
**แต่ครีมที่ขายกันอย่างผิดกฎหมาย (ไม่มี อย.), พวกครีมชั่งกิโลขายแล้วอ้างสรรพคุณว่ามีคุณภาพสูง ครีมพวกนี้เดาไว้ก่อนเลยว่า 99% ไม่ ปลอดภัย แน่นอน**
แล้วทำไมบางคนใช้ครีมมาร์คหน้า ครีมพอกหน้า ครีมหน้าใส ถึงมีผลข้างเคียงตามมาหลังจากใช้หละ? ต้องบอกให้เข้าใจกันก่อนนะว่าส่วนผสมของครีมหน้าใสและครีมมาร์คหน้านั้น
- ใส่ส่วนผสมที่ค่อนข้างแน่น มีน้ำเป็นส่วนผสมน้อย
- ส่วนเนื้อครีมจะมีความเหนียวและข้นกว่าครีมปกติที่ใช้กัน
- เบสครีมมีน้ำมันอยู่เยอะ ทำให้เกิดการอุดตันได้ง่าย
- ใช้ส่วนผสมที่มีคุณสมบัติกระตุ้นผิวหลายๆตัวมารวมกัน เช่น Alpha Arbutin, Deoxy Arbutin, Arbutin, Kojic Acid, AHA กรดตัวอื่นๆ ซึ่งทำให้เซลล์ผิวหน้าของคนเราจึงถูกกระตุ้นมากกว่าครีมทั่วไป
และที่สำคัญครีมพวกนี้ใช้มาร์คหน้าซึ่งการมาร์คหน้าควรทำเพียงอาทิตย์ละไม่เกิน 3 ครั้ง และห้ามใช้ติดต่อกันทุกวัน (บางคนเห็นว่าได้ผลจริงเลยใช้มันซะทุกวันแบบจัดหนักไปเลย แบบนี้ไม่ ปลอดภัย อย่างแน่นอน)
สรุปว่า ครีมหน้าใสเหล่านี้ถ้ามี อย. ก็ปลอดภัยหายห่วง แต่ต้องใช้กันอย่างถูกวิธี วิธีการใช้ให้ถูกวิธีนั้นมีอะไรบ้างอ่านกันข้างล่างเลย
[vc_separator color=”pink” style=”double”]
ผลเสียและอันตรายของครีมมาร์คหน้าใส
[vc_separator color=”pink” style=”double”]
ผลลัพธ์ที่ได้มาอย่างรวดเร็วและเห็นผลชัดเจนจากครีมหน้าใส/ครีมมาร์คหน้านั้น ย่อมมีผลลัพธ์ด้านลบที่ตามมา
- ครีมมาร์คหน้านั้นมีเนื้อครีมที่เหนียวและล้างออกยากกว่าครีมทั่วไป ทำให้ตกค้างอยู่บนผิวหน้า จึงทำให้เกิดสิว
- ห้ามใช้บ่อยจนเกินไปกว่าที่ทางผลิตภัณฑ์เขาแนะนำให้ใช้เด็ดขาดถ้าไม่อยากให้เกิด ปัญหาตามมาเช่น ใช้ติดต่อกันทุกวันเซลล์ผิวจึงถูกกระตุ้นเกินควร
- ตื่นเช้ามาไม่ล้างหน้า ทำให้มีส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ตกค้างอยู่บนผิวหน้านานเกินไป
[vc_separator color=”pink” style=”double”]
วิธีป้องกันง่าย ๆใช้ครีมมาร์คหน้าแบบไม่ต้องกลัวผลข้างเคียงของ คนหน้าตาดี
- ล้างหน้าให้สะอาดหมดจดทุกครั้งหลังจากตื่นนอน “และใช้โทนเนอร์เช็ดซ้ำหลังจากล้างหน้าเสร็จ” เพราะว่าส่วนประกอบบางตัวในครีมมาร์คหน้านั้นไม่สามารถล้างออกให้หมดด้วยโฟมล้างหน้าปกติ
- ใช้เพียงอาทิตย์ละ 2-3 ครั้งเท่านั้น เน้นว่า “เท่านั้น” บางคนที่ปัญหาจากการใช้ครีมมาร์คหน้านั้น เป็นเพราะว่าใช้ทุกวัน เพราะเห็นว่าใช้แล้วหน้าใสดูสว่างวิ้ง ๆ หลังใช้จึงอยากใช้ทุกวันเพราะจะได้หน้าสว่างใสทุกวัน
- ลดปริมาณการใช้ลงจาก 3 ครั้ง ลงเหลือ 2 ครั้งหลังจากใช้ไป 1-2 เดือน เพื่อให้เซลล์ผิวได้พักจากการถูกกระตุ้นจากครีมมาร์คหน้าบ้าง
[vc_separator color=”pink” style=”double”]
ข้อสรุปเรื่องการใช้ครีมมาร์คหน้าให้ปลอดภัยสำหรับ คนหน้าตาดี
ขอสรุปเลยละกันนะว่าการ เช็ค ครีมอันตราย/ครีมมาร์คหน้า หากมี อย. ส่วนใหญ่จะไม่มีสารอันตราย สารต้องห้ามอยู่แน่นอน (เพราะ อย. จะไม่ให้ผ่านแน่นอนหากใส่สารพวกนี้) และผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ครีมเหล่านี้นั้นเรียกว่าน่าพอใจ แต่ต้องใช้ให้ถูกวิธีไม่ใช่เห็นว่าดีจริงเลยใช้มันซะทุกวันเลย…ที่สำคัญต้องล้างหน้าให้สะอาดและเช็ดด้วยโทนเนอร์ด้วยเพื่อให้หน้าสะอาดหมดจดจริง ๆ ไม่มีสารประกอบจากครีมหลงเหลืออยู่มาทำร้ายผิวของเราระหว่างวัน ที่สำคัญครีมมาร์คหน้า Re-Born Alpha Mask ปลอดภัยไร้กังวล รับรองหน้าใส แน่นอน 100% จ้า
[vc_separator color=”pink” style=”double”]
เช็ค ครีมอันตราย !! หากใช้ครีมสารปรอทเหล่านี้ เพื่อผิวขาวแบบไม่ระวัง
เช็ค ครีมอันตราย!! เตือนภัยหากคุณกำลังจะใช้ครีมสารปรอทเหล่านี้ เพื่อผิวขาวแบบไม่ระวังคุณสาว ๆ ทั้งหลายที่อยากขาวอยากสวยด้วยการซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสารพัดชนิดมาใช้ ซึ่งระยะแรก ๆ ก็อาจเห็นผลทันใจแต่พอใช้นาน ๆ ไปเข้าก็เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ทั้งอาการผื่นคัน ผิวลอก ผิวพุพอง เป็นปัญหาต้องเข้ารับการรักษากันต่อไปอีกเพื่อที่จะให้คุณสาว ๆ พึงระวังอันตรายซึ่งเกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากสารเคมีกันให้มากขึ้น จึงอยากขอนำเสนอสารเคมีที่เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาวที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย คุณสาว ๆจะได้คิดก่อนซื้อไงละ
[vc_separator color=”pink” style=”double”]
ครีมอันตรายแต่ทำไมถึงผิวขาว
ครีมอันตรายทำไมถึงผิวขาว? ในส่วนผสมของครีมพวกไวท์เทนนิ่งจะมีสารที่ช่วยยับยั้งการผลิตของสารเมลานินในผิวชั้นนอก ซึ่งเมลานินสีหรือเม็ดสีผิวนี้มีหน้าที่ปกป้องอันตรายจากรังสี UV ให้แก่เรา แต่หากร่างกายผลิตสารเมลานินหรือเม็ดสีผิวมากเกินไปอาจทำให้สีผิวขาดความสม่ำเสมอ
ทำให้ผิวมีรอยด่างดำเกิดขึ้น ซึ่งการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารที่ช่วยลดรอยด่างดำอาจพอช่วยได้ แต่เมื่อใช้ไปนานๆอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาวหรือไวท์เทนนิ่งนั้น หากมีส่วนผสมต่อไปนี้ ควรหลีกเลี่ยงเด็ดขาด
1 . ไฮโดรควิโนน
เป็นสารอันตรายที่ใช้ในการผลิตยาง ยาย้อมผม และครีมทำให้ผิวใส เพราะสารตัวนี้มีความสามารถในการฟอกสีและลดการผลิตเม็ดสีเมลานิน ซึ่งในอดีต ไฮโดรควิโนน เป็นสารเคมีซึ่งที่นิยมในการนำมาใช้ในครีมที่ทำให้หน้าขาว เนื่องจากเห็นผลเร็วเพราะไฮโดรควิโนนสามารถยับยั้งการเกิดเมลานิน หรือกระบวนการสร้างเม็ดสีของผิวหนัง จึงส่งผลทำให้ผิวขาวขึ้นได้
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีไฮโดรควิโนนเป็นส่วนผสมของ ควรใช้กับผู้ที่มีปัญหาฝ้าหรือรอยด่างดำจากสิวที่อาการรุนแรงและจะต้องมีปริมาณของตัวยาระบุอยู่ ไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกินไปและการหยุดยาทันทีอาจมีผลให้ทำให้ผิวคล้ำลงกว่าเดิมได้ เนื่องจากผิวหนังเร่งสร้างเซลล์เม็ดสีมาทดแทน นอกจากนี้แล้วแสงแดดจะมีผลต่อไฮโดรควิโนน ซึ่งถ้าใช้ยาที่มีไฮโดรควิโนนเป็นส่วนผสมแล้วไม่ใช้ครีมกันแดดจะทำให้ฝ้าจะดำยิ่งขึ้น
สารไฮโดรควิโนน มีอันตรายต่อเซลล์และทำให้เกิดมะเร็งได้และยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ต่อมหมวกไต และโรคตับ การใช้สารไฮโดรควิโนนมีผลข้างเคียงที่พบบ่อย คือ ผิวเกิดผื่น ผิวไหม้ ระคายเคืองผิว ผิวแห้ง และผิวลอก หากใช้ไปนาน ๆ ผิวบางส่วนอาจเปลี่ยนเป็นสีฟ้าหม่น ซึ่งปัจจุบันไฮโดรควิโนนถูกสั่งห้ามใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่วางจำหน่ายตามร้านค้า
[vc_separator color=”pink” style=”double”]
2 . สารปรอท
สารปรอทเป็นส่วนผสมในสบู่ ครีม และโลชั่นเพื่อผิวขาว ซึ่งการใช้สบู่ ครีม หรือโลชั่นเพื่อผิวขาวที่มีส่วนผสมของสารปรอทจะเป็นผลให้เกิดอาการคันหรือระคายเคืองบริเวณที่ทาและอาจทำให้ผิวไหม้ได้ นอกจากนี้สารปรอทยังอาจซึมเข้ากระแสเลือด ทำให้ระบบประสาทส่วนกลาง สมองและไขสันหลัง ถูกทำลาย จนเสียการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย และสูญเสียการรับรู้ไป
นอกจากนี้แล้วหากปรอทไปทำลายอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายจะไม่สามารถรักษาให้เป็นปกติได้ ถ้าใช้ครีมที่มีปรอทเป็นส่วนผสมนาน ๆ จะทำให้ผิวบาง แดง แพ้ เกิดผื่นคัน ระคายเคือง หรือถึงขั้นทำให้ผิวพุพองได้ ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ส่วนผสมของสารปรอทจากคำว่า mercury, mercurous chloride, mercuric, mercurio หรือ calomelที่อยู่ในฉลาก
[vc_separator color=”pink” style=”double”]
3 . สารสเตียรอยด์
สเตียรอยด์เป็นสารอีกตัวหนึ่งที่ห้ามใส่ในเครื่องสำอาง เสตียรอยด์ จะไปยับยั้งการสร้างสารเคมีที่ใช้ในการการสร้างเมลานิน ทำให้เมลานินหรือเม็ดสีลดจำนวนลงทำให้ให้ผิวขาวขึ้นได้ สเตียรอยด์ยังการยับยั้งการเกิดใหม่ของเซลล์ทำให้เม็ดสีลดลง ซึ่งมีผลเสียคือผิวชั้นนอกจะบางจนเห็นเส้นเลือด มีผลให้ผิวหนังอาจถูกทำร้ายมากขึ้น ซึ่งการใช้ยาเสตียรอยด์ที่ปริมาณเข้มข้นและใช้ไม่ถูกวิธี และใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายทั้งภายในภายนอก เช่น มีผดผื่นขึ้นได้ง่าย ผิวหน้าบาง
[vc_separator color=”pink” style=”double”]
4 . เรตินอยด์
เรตินอยด์จะไปรบกวนการสร้างเม็ด โดยจะไปกระตุ้นการแบ่งเซลล์และเร่งการผลัดเซลล์ของ เยื่อบุผิว มีการย้ายเม็ดสีมาที่เซลล์ผิวหนังลดน้อยลง และยังไปยั้บยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ใช้ในการสร้างเม็ดสี นอกจากนี้ยังไปยับยั้งการเกิดของสร้างสิวอุดตันอีกด้วย กรดเรทิโนอิกอาจมีผลให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง ทำให้ผิวหน้าหลุดลอก มีอาการอักเสบ แพ้แดด อาจเกิดอาการผิวด่างขาวหรือคล้ำอยู่ระยหนึ่งและโดยเฉพาะหญิงมีครรภ์จะเป็นอันตรายต่อทารกได้
[vc_separator color=”pink” style=”double”]
เป็นยังไงบ้าง คุณคงเห็นแล้วว่าอันตรายจากการใช้ผลิตภัณฑ์จากสารเคมี ซึ่งจริง ๆ แล้วก่อนจะซื้อหามาใช้ก็ควรอ่านฉลากผลิตภัณฑ์ให้ถี่ถ้วน อ่านส่วนผสมอะไรต่าง ๆ ให้ดีซะก่อน เพราะหากสารบางชนิดเป็นอันตรายต่อร่างกายหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง หรือถึงแม้บางชนิดสามารถที่จะใช้ได้ก็ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานเกินไป เพราะไม่แน่ว่าอาจะมีการพบว่าสารบางชนิดเป็นอันตรายต่อผิวได้อีกและควรอ่านวิธีใช้ให้ละเอียดนะ หากคุณอยากเป็น คนหน้าตาดี แบบไม่พัง ทางที่ดีเลือกใช้วิธีธรรมชาติจะดีกว่า
อ้างอิง :
- 10 Habits That Make You Look Older Than Your Age! : https://theaestheticscentre.com/10-habits-cause-premature-skin-aging/
- Skin Lightening Creams Are Dangerous : https://www.healthywomen.org/your-health/skin-lightening-creams-are-dangerous
- Why Do Some People Look Older than their Age and Others Look Younger than they Really Are? : https://medium.com/illumination-curated/why-do-some-people-look-older-than-their-age-and-others-look-younger-than-they-really-are-26cc4ad0adf0