ถ้าพูดถึงเรื่องฝ้าคงมีคุณผู้อ่านหลายคนประสบปัญหานี้อยู่แน่ ๆ เพราะเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง รวมถึงในกลุ่มผู้ชายก็เป็นฝ้าได้ด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าการเป็นฝ้าแม้จะเป็นอาการที่ไม่ร้ายแรง แต่หากเป็นรอยดำบนผิวหน้าย่อมส่งผลต่อความมั่นใจกันทั้งนั้น ทำให้ต้องเสียเวลามารักษารอยบนใบหน้ากันอีก โดยเฉพาะการเลือกใช้ ครีมทาฝ้า ที่เป็นตัวเลือกที่สะดวกและหาซื้อได้ง่ายที่สุด แต่ใช้แล้วดีขึ้นจริงไหม วันนี้มาหาคำตอบพร้อมกัน
ในวันนี้เราจึงรวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับฝ้ามาฝากสาว ๆ ให้ดูแลผิวหน้าให้ดีขึ้นได้แบบที่ยังไม่ต้องง้อคลินิกเสริมความงามกันเลยทีเดียว รวมถึงมาเจาะลึกหาสาเหตุ วิธีการรักษาและการป้องกันมาฝาก รับรองว่าทำตามได้และเห็นผลจริงอย่างแน่นอน
ฝ้า คืออะไร ?
ฝ้า (Melasma) คือ ภาวะที่เซลล์สร้างเม็ดสีในผิวหนังทำงานมากขึ้น ทำให้เกิดรอยคล้ำสีดำหรือน้ำตาลอ่อนบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะโหนกแก้ม คาง หน้าผาก กราม หรือบริเวณที่ร่างกายสัมผัสแสงแดดบ่อย เป็นต้น ฝ้าเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยมากโดยเฉพาะในคนเอเชีย มักจะเริ่มเป็นเมื่ออายุ 30-40 ปี พบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย
การรักษาฝ้าให้หายขาดอาจจะต้องใช้เวลาพอสมควร แต่สามารถป้องกันดูแลให้ผิวดีขึ้นได้ ทั้งการใช้ ครีมทาฝ้า การกรอผิว การใช้กรดผลไม้ผลัดผิว หรือการเลเซอร์ผิวหน้าอีกหลากหลายประเภท การจะรักษาฝ้าด้วยวิธีใดก่อนอื่น เรามาดูกันก่อนว่าสาเหตุฝ้าบนใบหน้าของเรานั้นเกิดจากอะไร จะได้รักษาได้อย่างตรงจุด
สาเหตุของการเกิดฝ้า
ฝ้าสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีกหากผิวถูกกระตุ้นด้วยแสงแดดหรือปัจจัยอื่น ๆ และอาจต้องใช้หลาย ๆ วิธีร่วมกันเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของฝ้าด้วยว่าเป็นฝ้าตื้นหรือฝ้าลึก ซึ่งสาเหตุของการเกิดฝ้านั้นมีหลายปัจจัย เช่น
- ฝ้าฮอร์โมน เมื่อมีฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มากเกินไปในช่วงตั้งครรภ์ หรือการหลั่งฮอร์โมนที่ผิดปกติ ทำให้การผลิตเม็ดสีของชั้นผิวหนังไม่สม่ำเสมอ หรือผิดปกติ ทำให้เกิดรอยฝ้าเข้มกว่าเดิม
- ฝ้าแดด แสงอาทิตย์ หรือแสง UVA/UVB คนที่ออกแดดกลางแจ้งโดยตรงหรือออกแดดบ่อยครั้ง โดยที่ไม่มีการป้องกันหรือไม่ทาครีมกันแดด จะทำเกิดการกระตุ้นให้ผลิตเม็ดสีเพิ่มขึ้น และกลายเป็นฝ้าได้ง่าย
- ฝ้าจากเครื่องสำอาง เครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐาน ครีมปรอท หรือครีมหน้าขาวใสต่าง ๆ ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม สารเคมี สารกันบูด หรือสารตะกั่ว มีส่วนทำให้ผิวหน้าแพ้ง่าย สังเกตได้จากแรก ๆ ใช้ไปหน้าจะขาวใส แต่หากใช้ไปเป็นเวลานานขึ้น ผิวหน้าจะเสียและหากหยุดใช้หน้ายิ่งแย่ขึ้น ทำให้ผิวหน้าเสียและกระตุ้นการเกิดฝ้าได้ง่าย
- ฝ้าจากเลเซอร์ เลเซอร์บางชนิดก็ทำให้ฝ้าบนหน้าเข้มขึ้นได้ โดยที่ผิวหน้าอาจดีขึ้นในช่วงแรก หลังจากนั้นฝ้าบนใบหน้าจะปรากฏให้เห็นเข้มขึ้น
- ฝ้าจากความเครียด หากไม่ดูแลรักษาสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นความเครียด การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ ย่อมทำให้ฮอร์โมนในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง ผิวหน้าดูดำคล้ำขึ้น ผิวเสียสมดุล และเกิดฝ้าได้ง่าย
โดยปกติการเกิดฝ้ามักจะเริ่มพบเมื่อช่วงเข้าสู่วัยรุ่นหรือวัยทำงาน ซึ่งถ้าหน้าเกิดฝ้าขึ้นก็ควรเริ่มรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะถ้ารักษาได้เร็ว ย่อมได้ผลดีกว่าปล่อยให้หน้าเป็นฝ้าเยอะ ๆ แล้วมารักษาทีหลัง
ครีมทาฝ้ารักษาหายได้จริงมั้ย
ฝ้าเป็นปัญหาผิวหน้าที่หลายคนประสบปัญหา เพราะทั้งสภาพอากาศของเมืองไทยที่มีแดดแรง รวมทั้งมีมลภาวะภายนอกต่าง ๆ หรือแสงจากหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ฝ้ามาเยือนผิวหน้าได้โดยไม่ทันตั้งตัว ดังนั้น การป้องกันและรักษาด้วย ครีมชนิดนี้จึงเป็นตัวเลือกอีกทางที่น่าสนใจก่อนที่จะไปเข้าคลินิกแล้วเสียค่าเลเซอร์แพง ๆ
ฝ้าก็แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ ฝ้าลึก ที่อาจจะรักษาค่อนข้างยาก แต่สามารถทำให้จางลงได้ หรือใช้หัตถการทางการแพทย์ในการรักษา ส่วนฝ้าตื้นจะเป็นสีน้ำตาลเห็นได้ชัด และสามารถรักษาได้อย่างเห็นผล โดยใช้ ครีมรักษาฝ้า และการดูแลตัวเองที่ถูกต้องร่วมด้วยเช่นกัน ซึ่ง ครีมประเภทนี้ก็มีตัวเลือกมากมายหลายยี่ห้อที่สามารถช่วยลดเลือนรอยฝ้า ทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใสขึ้นได้จริง ถ้าเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย มีการรับรอง อย. อย่างถูกต้องและเชื่อถือได้
การรักษาฝ้าสามารถทำได้ด้วยจากการเริ่มดูแลตัวเองและอาจจะต้องใช้เวลาในการรักษาจึงจะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน อันดับแรกเลยคือ อย่าลืมป้องกันการเกิดฝ้าด้วยครีมกันแดด ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF30 ขึ้นไป และมี PA+++ ยิ่งถ้าใครออกแดดทั้งวันก็ควรพกกันแดดไปทาซ้ำด้วยถึงจะช่วยปกป้องผิวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หรือกางร่ม สวมหมวก สำหรับผู้ที่ทานยาคุมหรือฮอร์โมนผิดปกติ ลองเปลี่ยนวิธีคุมกำเนิด เพราะบางคนก็อาการดีขึ้นหลังหยุดใช้ยาคุม และควรขอคำปรึกษาหรือแนวทางจากผู้เชี่ยวชาญก่อนหยุดยา
การเลือกใช้ครีมซองหน้าขาวใสก็ควรเลือกให้เหมาะสมจะช่วยทำให้ฝ้าจางลงได้ รวมถึงการดูแลตัวเองก็สำคัญมากเช่นกัน ทั้งการเลือกรับประทานอาหารหรือทานอาหารเสริมที่ช่วยทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นและป้องกันไม่ให้ฝ้าขยายตัวขึ้น ซึ่งจะต้องทำตามอย่างสม่ำเสมอ ใช้ระยะเวลา และความอดทนในการรักษา
วิธีเลือกซื้อครีมทาฝ้าให้ปลอดภัย
วิธีเลือกซื้อ ครีมรักษาฝ้าควรจะเลือกแบบไหนดีถึงจะหายและปลอดภัยต่อผิวหน้าของเรามากที่สุด เพราะหากรักษาไม่ถูกวิธี ซื้อยามาใช้เองจนเกิดผลข้างเคียง เกิดรอยดำมากขึ้น ยิ่งจะทำให้การรักษานานขึ้นและยังทำให้ผิวหน้าบางได้อีกด้วย นี่จึงเป็นคำแนะนำในการเลือกซื้อครีมให้ปลอดภัย
ครีมที่มีส่วนผสมของ “ไฮโดรควิโนน” ห้ามซื้อมาใช้เด็ดขาด เพราะอันตรายถึงขั้นเซลล์เม็ดสีตาย จะทำให้บริเวณผิวที่ทาครีมกลายเป็นด่างขาว ทำให้เกิดฝ้ามากขึ้นกว่าเดิม และเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังด้วย จึงมีประกาศห้ามใช้สารตัวนี้ในเครื่องสำอางอย่างเด็ดขาด! แล้วครีมที่ใช้แล้วปลอดภัย ควรมีส่วนผสมอะไรบ้าง?
เราขอแนะนำให้เลือกดูครีมที่มีสารประเภทไวท์เทนนิ่งอย่าง อัลฟ่าอาร์บูตินที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ทาหน้าทั่วไป เพราะจะช่วยกระตุ้นเซลล์ผิวให้ยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานิน ทำให้รอยดำจางลงได้ และยังช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ กรด AHA หรือกลุ่มกรดวิตามินเอ สารพวกนี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าและช่วยลดปัญหาผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ จุดด่างดำจางลงได้ หรือจุดด่างดำได้ เป็นสารที่ปลอดภัยแต่ก็ต้องระวังในผู้ที่มีผิวบอบบางและแพ้ง่าย ควรทามอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวด้วย อีกสารหนึ่งที่ควรมีนั่นก็คือ Vitamin E เพราะคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบของผิว ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
จะเห็นได้ว่าครีมรักษาฝ้าส่วนใหญ่ไม่ได้แค่รักษาฝ้าเท่านั้น แต่ยังมีสารที่ช่วยบำรุงผิวได้ด้วย เพราะฉะนั้นเราจึงควรเลือกใช้ ครีมที่มีส่วนผสมที่ปลอดภัยต่อผิว จึงจะสามารถช่วยลดปัญหาการเกิดฝ้าได้จริง และควรหมั่นทาครีมเป็นประจำทุกวันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หรือถ้าใครไม่อยากใช้ ครีมรักษาฝ้าลองมาดู อาหารจากธรรมชาติที่ช่วยแก้ปัญหาผิวที่เป็นฝ้า เพราะการดูแลตัวเองจากภายในก็สำคัญไม่แพ้กัน
อาหารจากธรรมชาติที่ช่วยแก้ปัญหาฝ้า
การรักษาฝ้าที่ดีไม่เพียงแต่จะต้องเลือกใช้ครีมทาฝ้าเท่านั้น การดูแลตัวเองในเรื่องของอาหารก็ทำให้รอยฝ้าลดเลือนลงได้ มีสุขภาพผิวที่ดีขึ้น และช่วยป้องกันการเกิดฝ้าซ้ำ ดังนั้น การเลือกทานอาหารจึงเป็นอีกวิธีที่ช่วยรักษาฝ้าได้ วันนี้เรามี 10 อาหารที่ช่วยแก้ปัญหาฝ้ามาบอกต่อกัน จะมีอะไรบ้างมาดูเลย
-
มะเขือเทศ
มะเขือเทศ 1 ลูก มีทั้งวิตามินซี ไลโคปีน กรดซิตริก และเบต้าแคโรทีน ที่มีส่วนช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยลดการเกิดริ้วรอย ฝ้า กระ และจุดด่างดำ ทำให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้น และยังสามารถเลือกรับประทานแบบสด แบบน้ำ หรือจะนำมามาส์กหน้าด้วยก็ได้
-
ผักใบเขียว
ผักใบเขียวทุกชนิด อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน วิตามินอี วิตามินเอ และสารต่อต้านอนุมูลอิสระอีกมากมาย ที่ช่วยป้องกันการเสื่อมของผิวหนัง และช่วยยับยั้งการเกิดสิว ฝ้า กระ ได้เป็นอย่างดี จะเลือกทานสด ๆ เป็นผักสลัด ลวกจิ้มกับน้ำพริก หรือผัดผักก็ได้ประโยชน์ทั้งนั้น
-
พืชตระกูลเบอร์รี่
ไม่ว่าจะเป็นสตรอว์เบอร์รี่ ราสป์เบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ฯลฯ ก็สามารถเลือกทานได้เลย เพราะช่วยบำรุงผิวพรรณให้สวยเปล่งปลั่ง และอุดมไปด้วย วิตามินซี มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิว และลดการเกิดฝ้าได้
-
มะนาว
มะนาวอุดมไปด้วยวิตามินซี กรดซิตริก และสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน และลดเลือนริ้วรอย ฝ้า กระ และจุดด่างดำ
-
แอปเปิลเขียว
แอปเปิลเขียว เป็นผลไม้อีกชนิดที่มีวิตามินซีสูง อุดมไปด้วยใยอาหารและเพกติน และมีสารต้านอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติช่วยในการขับถ่ายได้ดี ซึ่งดีต่อสุขภาพภายในและสุขภาพผิว สามารถปกป้องผิวและช่วยลดเลือนริ้วรอยก่อนวัย
-
พืชตระกูลถั่ว
ธัญพืชทุกชนิดอย่างพวกถั่วลิสง เมล็ดทานตะวัน หรืออัลมอนด์ ไม่ได้มีดีแค่เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี แต่ในธัญพืชเหล่านี้ยังอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน วิตามินอี วิตามินบี 12 และมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งผิวหนัง ทำให้ผิวชุ่มชื้นและช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยด้วย
-
ชาเขียว
ชาเขียวเป็นเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยคาเทชินและโพลีฟีนอล ซึ่งเป็นสารที่ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ หากทานชาเขียวในปริมาณที่พอดีจะช่วยบำรุงผิวในเรื่องของความชุ่มชื่นและความเปล่งปลั่งให้กับผิวหน้าได้เป็นอย่างดี
-
ปลาแซลมอน
ปลาแซลมอนนอกจากจะเต็มไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 และวิตามินที่เป็นประโยชน์ ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสำคัญอย่าง แอสตาแซนธิน ที่มีความสำคัญในการลดอาการอับเสบของผิวหนังและช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว
-
แตงกวา
แตงกวามีสารฟีนอลที่ทำหน้าที่ต่อต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ อุดมไปด้วยน้ำ วิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น สาวผิวแห้งขาดน้ำควรกินบ่อย ๆ และยังลดเลือนการเกิดฝ้าให้ดีขึ้นด้วย
-
ใบบัวบก
ใบบัวบกอุดมไปด้วยกรดอะมิโน เบต้าแคโรทีน กรดไขมัน และไฟโตเคมิคอล มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมผิวและเพิ่มความชุ่มชื้น สามารถใช้ในการรักษาฝ้า กระ รวมไปถึงช่วยรักษาแผลเป็น แผลไฟไหม้ หรือผิวหน้าที่เป็นสิวได้ดี
ปัญหาที่พบได้บ่อยในการรักษาฝ้า คือ หลายคนยังรักษาไม่ถูกวิธี ทั้งการซื้อครีมที่ไม่ได้มาตรฐานมาใช้เองจนเกิดผลข้างเคียง ไม่ทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน ทำให้การดูแลรักษาผิวหน้าไม่เห็นผล ถ้าไม่อยากให้หน้าเป็นฝ้าก็ต้องหลีกเลี่ยงแสงแดด รวมถึงการบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ครีมทาฝ้า หรือปกป้องผิวจากภายในด้วยการเลือกทานอาหารจากธรรมชาติที่เรานำมาฝากกัน ทั้งประหยัด ปลอดภัย เห็นผลลัพธ์จริงแน่นอน และจะได้ไม่เสียค่าเลเซอร์แพง ๆ อีกต่อไป
อ้างอิง
- สาระน่ารู้ “ฝ้า”. https://www.rama.mahidol.ac.th/rama_hospital/th/services/knowledge/01232020-1546
- 5 คำถาม ? ว่าด้วยเรื่อง “ฝ้า”. https://www.khonkaenram.com/th/services/health-information/health-articles/beauty/melasma
- วิธีเลือกทานอาหารให้ดีต่อสุขภาพผิว. https://www.posttoday.com/lifestyle/514740