คอลลาเจนยี่ห้อไหนดี ? 10 อันดับ คอลลาเจน ผิวใส ให้ผลลัพธ์ผิวสุขภาพดี

10 อันดับ คอลลาเจน ผิวใส ให้ผลลัพธ์ผิวสุขภาพดี

Table of Contents

หากพูดถึงคอลลาเจนหลายคนคงจะนึกถึงเรื่องความสวยความงามในการดูแลผิวพรรณเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะคอลลาเจนที่อยู่ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่าง ๆ มากมาย แต่ทุกคนรู้หรือไม่ว่าคอลลาเจนคืออะไร? วันนี้เราจึงรวมสารพัดคำถามยอดฮิตที่ทุกคนอยากรู้เกี่ยวกับคอลลาเจนมาไว้ให้แล้วไม่ว่าจะเป็นคอลลาเจนมีความสำคัญหรือประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร ทำไมเราต้องกินคอลลาเจน และที่หลายคนสงสัยกันอย่างมากว่า คอลลาเจนยี่ห้อไหนดี ยี่ห้อไหนเด็ด กินตัวไหนแล้วได้ผลดีบ้าง ลองมาดูกัน


1. Ubereen Collagen Dipeptide

1-Ubereen

Ubereen Collagen ผลิตภัณฑ์คอลลาเจนสุดพิเศษที่ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์แบบธรรมชาติ ด้วยคอลลาเจนโมเลกุลเล็กแค่ 200 ดาลตัน ทำให้ดูดซึมได้ไวมาก เข้าถึงผิวได้ลึก ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ซ่อมแซมผิวที่อ่อนล้า ผิวจะเนียนนุ่ม กระจ่างใส และริ้วรอยดูจางลงชัดเจน สำหรับส่วนผสมหลักมี Fish Collagen Dipeptide กับ Salmon Collagen Peptide คุณภาพเยี่ยมจากอิตาลี และยังมีสารสกัดธรรมชาติเกรดพรีเมียมอีก 5 ชนิดจากทั่วโลกด้วย ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น หายแห้งกร้าน สุขภาพผิวดีขึ้นจากภายใน และที่พิเศษไปกว่านั้น ยูเบรีนคอลลาเจนยังช่วยบำรุงข้อต่อและกระดูกได้ด้วย เพราะคอลลาเจนที่เป็นส่วนผสมหลักของทางแบรนด์มีส่วนสำคัญในการบำรุงกระดูกและข้อต่อ การทานเป็นประจำสามารถช่วยลดอาการปวดข้อ ทำให้กระดูกแข็งแรง และเคลื่อนไหวได้ดีกว่าที่เคย

  • ประเภทคอลลาเจน : คอลลาเจนชนิดผง
  • ชนิดของคอลลาเจน : Dipeptide
  • ปริมาณการรับประทาน : วันละ 1-2 ช้อนตวง (1 ช้อน = 5,000 มิลลิกรัม)
  • จำนวนการรับประทาน : 10-20 ครั้ง (1 กระปุก มี 100,000 มิลลิกรัม)
  • ราคา : 890 บาท
  • Collagen from : Italy
  • Logo : 10-LOGO-UBEREEN
  • Slogan : คอลลาเจนพรีเมียมจากอิตาลี สวยใส สุขภาพดี ในหนึ่งเดียว

ข้อดี

ข้อเสีย

  • ดูดซึมเร็ว: โมเลกุลขนาด 200 ดาลตัน ทำให้ร่างกายดูดซึมได้ดีเยี่ยม
  • ช่วยบำรุงผิว: ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น กระจ่างใส ริ้วรอยจางลง
  • บำรุงข้อต่อและกระดูก: ช่วยให้ข้อต่อและกระดูกแข็งแรงขึ้น
  • ส่วนผสมคุณภาพสูง: คอลลาเจนจากปลาและแซลมอนอิตาลี พร้อมสารสกัดชั้นดี
  • ปริมาณคอลลาเจนสูง: 100,000 มิลลิกรัมต่อกระปุก
  • ต้องรับประทานอย่างสม่ำเสมอ: ผลลัพธ์ที่ชัดเจนจะเห็นได้หลังทานต่อเนื่องประมาณ 2-3 สัปดาห์
  • ไม่แนะนำสำหรับผู้แพ้อาหารทะเล: เพราะคอลลาเจนสกัดมาจากปลา ผู้ที่แพ้อาหารทะเลควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
  • ไม่มีรสชาติ: ผงคอลลาเจนที่ไม่มีรสชาติ อาจไม่ค่อยเหมาะสำหรับคนที่ชอบเครื่องดื่มหวาน ๆ ชงแล้วดื่มเลย

2.Dr.PONG 100,000 mg Collagen Dipeptide Plus

2.Dr.PONG 100,000 mg Collagen Dipeptide Plus

Dr.PONG 100,000 mg Collagen Dipeptide Plus คอลลาเจนผงสูตรพิเศษจากญี่ปุ่นที่จะมาช่วยดูแลผิวของเราให้สวยขึ้น ด้วยคอลลาเจนไดเปปไทด์คุณภาพสูง ที่ร่างกายดูดซึมได้ไวมากๆ เข้าถึงผิวได้ลึก ช่วยฟื้นฟูผิวที่อ่อนล้า ลดเลือนริ้วรอย ให้ผิวเนียนนุ่ม กระชับ ดูอ่อนเยาว์แบบธรรมชาติในส่วนของการรับประทานทางแบรด์แนะนำให้ทานวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 1 ช้อนตวง โดยสามารถแบ่งทานได้ 10 ครั้งเลยยว สูตรนี้เค้าเข้มข้นมากๆ ช่วยเติมความชุ่มชื้น แก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน บำรุงผิวจากข้างในถึงข้างนอก รับรองว่าหลังทานแล้วจะรู้สึกได้เลยว่าผิวดีขึ้น สวยใส กระชับ นุ่มเด้ง ดูอ่อนกว่าวัยแน่นอน

  • ประเภทคอลลาเจน : คอลลาเจนชนิดผง
  • ชนิดของคอลลาเจน : Dipeptide
  • ปริมาณการรับประทาน :วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 1 ช้อนตวง (1 ช้อนตวง = 5,100 มิลลิกรัม)
  • จำนวนการรับประทาน : 10 ครั้ง (1 กระปุก มี 102,000 มิลลิกรัม)
  • ราคา : 399 บาท
  • Collagen from : Japan
  • Logo :
  • Slogan : บอกลาผิวแห้งกร้าน คืนผิวสุขภาพดี “ผิวกระชับ นุ่มเด้ง ดูอ่อนเยาว์”

ข้อดี

ข้อเสีย

  • ราคาคุ้มค่า: มีปริมาณคอลลาเจนสูงถึง 102,000 มิลลิกรัม แต่ราคาย่อมเยากว่าแบรนด์อื่นเพียง 399 บาท
  • คอลลาเจนจากญี่ปุ่น: ใช้คอลลาเจนคุณภาพสูงจากญี่ปุ่น ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องมาตรฐานและคุณภาพของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
  • ช่วยให้ผิวกระชับและยืดหยุ่น: นอกจากช่วยให้ผิวเนียนนุ่มแล้ว ยังช่วยเพิ่มความกระชับและลดความหย่อนคล้อยได้ดี
  • เสริมความชุ่มชื้นให้ผิว: เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวแห้ง เพราะสูตรนี้ช่วยกักเก็บน้ำในผิว ทำให้ดูอิ่มน้ำขึ้น
  • ต้องทานวันละ 2 ครั้ง: อาจไม่สะดวกสำหรับคนที่ต้องการทานเพียงครั้งเดียวต่อวัน
  • ปริมาณต่อการทานน้อยกว่าแบรนด์อื่น: แม้จะมีคอลลาเจนรวมมาก แต่ต่อหนึ่งช้อนตวงมีเพียง 5,100 มิลลิกรัม ซึ่งอาจต้องทานหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลเต็มที่
  • ไม่มีส่วนผสมของสารบำรุงข้อต่อและกระดูก: เหมาะสำหรับการบำรุงผิวโดยเฉพาะ แต่ไม่ได้เน้นช่วยเรื่องข้อต่อและกระดูกเหมือนบางแบรนด์
  • ต้องชงดื่มทุกครั้ง: ไม่ใช่รูปแบบเม็ดหรือแบบพร้อมดื่ม ทำให้อาจไม่สะดวกสำหรับบางคนที่ไม่ชอบชงเอง

3.Scotch Collagen Plus Peptide&Dipeptide

3.Scotch Collagen Plus Peptide&Dipeptide

สก๊อต คอลลาเจน พลัส คอลลาเจนผงนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิว ด้วยส่วนผสมหลัก 3 ชนิด ได้แก่ คอลลาเจนเปปไทด์และคอลลาเจนไดเปปไทด์ 5,000 มก. จากญี่ปุ่น ซึ่งมีขนาดโมเลกุลเล็ก ดูดซึมได้เร็ว สารสกัดจากซีบัคธอร์น ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดเลือนริ้วรอยและฟื้นฟูผิวให้ชุ่มชื้น และ วิตามินซี 60 มก. ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวเรียบเนียนและกระจ่างใสจุดเด่นของผลิตภัณฑ์คือ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น สามารถผสมกับอาหารและเครื่องดื่มได้โดยไม่ทำให้รสชาติเปลี่ยนแปลง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวพรรณจากภายในอย่างเป็นธรรมชาติ การรับประทานอย่างสม่ำเสมอช่วยให้ผิวยืดหยุ่น ชุ่มชื้น และดูอ่อนเยาว์จากภายในสู่ภายนอก

  • ประเภทคอลลาเจน : คอลลาเจนชนิดผง
  • ชนิดของคอลลาเจน : Peptide,Dipeptide
  • ปริมาณการรับประทาน : วันละ 1 ช้อนตวง (1 ช้อน = 5,500 มิลลิกรัม)
  • จำนวนการรับประทาน : 30 ครั้ง (1 กระปุก มี 170,000 มิลลิกรัม)
  • ราคา : 1,200 บาท
  • Collagen from : Japan
  • Logo : 
  • Slogan : คอลลาเจนผงนวัตกรรมใหม่ ที่รวบรวมสารอาหารเพื่อผิวพรรณ ไว้ 3 ชนิด

ข้อดี

ข้อเสีย

  • คอลลาเจน 3 ชนิดในสูตรเดียว: มีทั้ง คอลลาเจนเปปไทด์และไดเปปไทด์ ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • มีสารต้านอนุมูลอิสระจากซีบัคธอร์น: ช่วยชะลอริ้วรอย ลดการเกิดจุดด่างดำ และช่วยให้ผิวแข็งแรงจากภายใน
  • เสริมวิตามินซีสูง: มีวิตามินซี 60 มก. ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น
  • ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น: สามารถผสมกับอาหารและเครื่องดื่มได้โดยไม่เปลี่ยนรสชาติ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบกลิ่นคาวของคอลลาเจน
  • ปริมาณต่อกระปุกสูง: ให้คอลลาเจนถึง 170,000 มิลลิกรัมต่อกระปุก ซึ่งมากกว่าหลายแบรนด์ ทำให้ใช้ได้นานถึง 30 วัน
  • ราคาสูงกว่าแบรนด์อื่น: ราคา 1,200 บาทต่อกระปุก อาจสูงกว่าสินค้าคอลลาเจนทั่วไปในท้องตลาด
  • ต้องทานต่อเนื่องเพื่อเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน: แม้ว่าส่วนผสมจะดี แต่การเปลี่ยนแปลงของผิวอาจต้องใช้เวลา 2-4 สัปดาห์
  • อาจไม่เหมาะกับคนที่แพ้สารสกัดจากผลไม้: มีส่วนผสมของซีบัคธอร์น อาจไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้ผลไม้บางชนิด

4.Chame’ Krystal Collagen

4.Chame’ Krystal Collagen

Chame’ Krystal Collagen คอลลาเจนผงสูตรใหม่ล่าสุดที่รวมคอลลาเจนถึง 3 สายพันธุ์จากญี่ปุ่น ทั้ง Type II, Dipeptide และ Tripeptide ที่ดูดซึมเร็ว เข้าถึงผิวได้ไวมากๆ ช่วยฟื้นฟูผิวให้ชุ่มชื้น กระชับ สวยใส แถมยังช่วยบำรุงข้อต่อและกระดูกให้แข็งแรง ที่สำคัญคือปลอดภัยสุดๆ เลย เพราะไม่มีน้ำตาล ไม่แต่งสี ไม่แต่งกลิ่น และไม่ใส่วัตถุกันเสีย ทานได้ทุกวันไม่ต้องกังวลเรื่องสารเคมีตกค้าง ตัวผงคอลลาเจนก็ละลายง่าย ไม่มีกลิ่นคาว ผสมกับเครื่องดื่มอะไรก็อร่อย รสชาติไม่เปลี่ยน จะชงกับน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มที่ชอบก็ได้เหมาะมากๆ สำหรับใครที่อยากมีผิวสวยใส ไร้ริ้วรอย พร้อมกับการมีสุขภาพที่ดีไปด้วยในตัว

  • ประเภทคอลลาเจน : คอลลาเจนชนิดผง
  • ชนิดของคอลลาเจน : Type II, Dipeptide, Tripeptide
  • ปริมาณการรับประทาน : วันละ 1 ซอง (1 ซอง = 5,000 มิลลิกรัม)
  • จำนวนการรับประทาน : 30 ครั้ง (1 กล่อง มี 30 ซอง = 150,000 มิลลิกรัม)
  • ราคา : 890 บาท
  • Collagen from : Japan
  • Logo : 
  • Slogan :ผสานคอลลาเจน 3 สายพันธุ์ จากประเทศญี่ปุ่น

ข้อดี

ข้อเสีย

  • รวมคอลลาเจน 3 สายพันธุ์ในหนึ่งเดียว: มี Type II, Dipeptide และ Tripeptide ซึ่งช่วยบำรุงผิว ข้อต่อ และกระดูกครบจบในตัวเดียว
  • ปลอดภัยไร้สารเจือปน: ไม่มีน้ำตาล สีสังเคราะห์ กลิ่นแต่ง หรือวัตถุกันเสีย ทำให้มั่นใจได้ว่าไม่มีสารตกค้างในร่างกาย
  • ละลายง่าย ไม่มีกลิ่นคาว: ตัวคอลลาเจนผงสามารถละลายน้ำได้เร็ว และไม่มีรสชาติหรือกลิ่นคาว ทำให้ทานง่ายและผสมกับเครื่องดื่มได้สะดวก
  • รูปแบบซองพกพาง่าย: บรรจุเป็นซอง (1 ซอง = 5,000 มก.) ช่วยให้สะดวกต่อการพกพาและคำนวณปริมาณการรับประทานต่อวันได้ง่าย
  • ปริมาณต่อซองน้อยกว่าบางแบรนด์: แม้ว่าจะมี 150,000 มิลลิกรัมต่อกล่อง แต่ต่อวันแนะนำให้ทาน 5,000 มิลลิกรัม ซึ่งอาจน้อยกว่าบางแบรนด์ที่ให้ 5,500-10,000 มิลลิกรัมต่อวัน
  • ราคาสูงเมื่อเทียบกับปริมาณต่อซอง: 1 กล่อง 30 ซอง ราคา 890 บาท ซึ่งอาจแพงกว่าบางแบรนด์ที่ให้ปริมาณมากกว่าในราคาใกล้เคียงกัน
  • ไม่มีสารสกัดจากผลไม้หรือวิตามินเสริม: แม้จะมีคอลลาเจนถึง 3 ชนิด แต่ไม่มีสารเสริมเช่นวิตามินซีหรือสารต้านอนุมูลอิสระจากผลไม้เหมือนบางแบรนด์
  • อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคอลลาเจนแบบเข้มข้นในปริมาณสูง: เนื่องจากออกแบบให้เป็นซองพกพา ปริมาณที่ได้รับต่อครั้งอาจไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลเร็วจากการทานคอลลาเจนปริมาณมาก

5.Bomi Gold Di Collagen

5.Bomi Gold Di Collagen

Bomi Gold Di Collagen คอลลาเจนผงคุณภาพพรีเมียมจากญี่ปุ่นที่ช่วยดูแลทั้งข้อเข่าและผิวพรรณให้สวยสุขภาพดี ที่เด่นสุดๆ คือใช้ Dipeptide Collagen โมเลกุลเล็กจิ๋วที่ดูดซึมไวมากๆ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ริ้วรอยดูจางลง ผิวเนียนนุ่มขึ้นแบบธรรมชาติ สิ่งที่ทำให้ Bomi Gold Di Collagen พิเศษคือมี Collagen Type II จากปลาทะเลที่ช่วยดูแลข้อต่อ บรรเทาอาการปวดเข่าได้ดีมากๆ แถมยังมี แคลเซียม 1,000 มก. ช่วยเสริมกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันกระดูกพรุน และมี L-Cysteine ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นด้วย ยังไม่หมดแค่นี้ ผลิตภัณฑ์ยังมีวิตามินรวมทั้ง C, B3, K2, D3 และ B6 ที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมดีขึ้น และเสริมภูมิคุ้มกันด้วย ที่สำคัญคือไม่มีน้ำตาลและแป้งเลย เหมาะมากๆ สำหรับคนเป็นเบาหวานหรือกำลังควบคุมน้ำหนักอยู่

  • ประเภทคอลลาเจน : คอลลาเจนชนิดผง
  • ชนิดของคอลลาเจน : Dipeptide
  • ปริมาณการรับประทาน : 
  • จำนวนการรับประทาน : 
  • ราคา : 499 บาท
  • Collagen from : Japan
  • Logo : 
  • Slogan : พรีเมียมคอลลาเจนชงดื่ม เพื่อข้อเข่าแข็งแรง ผิวสวยนุ่มลื่น ดูกระจ่างใส

ข้อดี

ข้อเสีย

  • ช่วยบำรุงทั้งผิวและข้อเข่าในหนึ่งเดียว: มี Collagen Type II จากปลาทะเล ที่ช่วยบำรุงข้อต่อและบรรเทาอาการปวดเข่า พร้อมกับ Dipeptide Collagen ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและเรียบเนียน
  • เสริมแคลเซียม 1,000 มก.: มีแคลเซียมในปริมาณสูงที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน
  • มี L-Cysteine และวิตามินเสริม: L-Cysteine ช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น และมีวิตามิน C, B3, K2, D3 และ B6 ที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมคอลลาเจน
  • ไม่มีน้ำตาลและแป้ง: เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานหรือกำลังควบคุมน้ำหนัก เพราะไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง
  • ต้องทานวันละ 1-2 ช้อนตวง: อาจไม่สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการคอลลาเจนที่ทานง่ายและรวดเร็ว
  • กลิ่นและรสชาติอาจไม่ถูกใจบางคน: เนื่องจากเป็นคอลลาเจนที่ไม่มีการแต่งรสหรือแต่งกลิ่น
  • ต้องผสมน้ำดื่ม: ไม่ใช่คอลลาเจนแบบเม็ดหรือแบบพร้อมดื่ม อาจไม่สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการทานได้ทันที
  • ต้องทานต่อเนื่องเพื่อเห็นผลชัดเจน: เช่นเดียวกับคอลลาเจนอื่นๆ ผลลัพธ์อาจต้องใช้เวลา 2-4 สัปดาห์ ถึงจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของผิวและข้อต่อ

6.Zeavita Collagen 70X Prebo&Gluta

6.Zeavita Collagen 70X Prebo&Gluta

Zeavita Collagen 70X Prebo&Gluta คอลลาเจนชนิดผงสุดพิเศษที่รวม คอลลาเจนไดเปปไทด์ 100% จากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นคอลลาเจนโมเลกุลเล็กที่ดูดซึมไวมากๆ และเห็นผลดีกว่าคอลลาเจนทั่วไปถึง 70 เท่าเลย ช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูเปล่งปลั่ง ชุ่มชื้น เรียบเนียน สวยใสแบบธรรมชาติ ที่พิเศษไปกว่านั้น Zeavita Collagen 70X ยังมี พรีไบโอติกจากไฟเบอร์ธรรมชาติ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ดูดซึมสารอาหารได้ดี แถมยังมี แอล-กลูตาไธโอนและวิตามินซี ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดเลือนริ้วรอย ทำให้ผิวแข็งแรง สดใส เปล่งประกายจากภายในสู่ภายนอก ตัวผลิตภัณฑ์นี้ ไม่มีน้ำตาล ไม่มีไขมัน ไม่ใส่สี ไม่เติมแป้ง และไม่มีกลิ่นคาว ทานง่ายมากๆ จะชงกับน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มที่ชอบก็ได้ รสชาติไม่เปลี่ยนเลย แค่ทานวันละ 1 ซอง ละลายในน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิห้อง 100 มล. ทานทุกวัน รับรองว่าทั้งผิวสวยและระบบย่อยอาหารดีแน่นอน

  • ประเภทคอลลาเจน : คอลลาเจนชนิดผง
  • ชนิดของคอลลาเจน : Dipeptide
  • ปริมาณการรับประทาน : วันละ 2 ซอง (1 ซอง = 3,000 มิลลิกรัม)
  • จำนวนการรับประทาน : ครั้ง (1 กล่อง มี 30 ซอง = 90000 มิลลิกรัม)
  • ราคา : 859 บาท
  • Collagen from : Japan
  • Logo : 
  • Slogan : คอลลาเจนไดเปปไทด์ 100% ผสานคุณค่าจากพรีไบโอติก ไฟเบอร์ธรรมชาติ

ข้อดี

ข้อเสีย

  • ดูดซึมได้เร็วกว่า 70 เท่า: ใช้ คอลลาเจนไดเปปไทด์ 100% จากญี่ปุ่น ที่มีโมเลกุลเล็กมาก ช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ดีกว่าคอลลาเจนทั่วไป
  • เสริมพรีไบโอติกเพื่อระบบย่อยอาหาร: นอกจากช่วยเรื่องผิว ยังช่วยปรับสมดุลลำไส้ ทำให้ระบบย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหารทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น
  • มีแอล-กลูตาไธโอนและวิตามินซี: ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวแข็งแรง ลดเลือนริ้วรอย และทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
  • ไม่มีน้ำตาล ไขมัน หรือแป้ง: เหมาะสำหรับคนที่ต้องการคุมอาหารหรือกำลังลดน้ำหนัก ทานได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องแคลอรี่
  • ต้องทานวันละ 2 ซองเพื่อให้ได้ปริมาณที่เพียงพอ: อาจไม่สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการทานเพียงครั้งเดียวต่อวัน
  • ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับปริมาณรวม: 859 บาทต่อ 90,000 มิลลิกรัม ซึ่งอาจแพงกว่าคอลลาเจนบางแบรนด์ที่ให้ปริมาณมากกว่าในราคาที่ถูกกว่า
  • ไม่มีสารบำรุงข้อต่อและกระดูก: แม้จะช่วยเรื่องผิวและระบบย่อยอาหารได้ดี แต่ไม่มีส่วนผสมของ Collagen Type II หรือแคลเซียมที่ช่วยบำรุงข้อต่อ

7.Vida Collagen+Biotin Gold

7.Vida Collagen+Biotin Gold

Vida Collagen+Biotin Gold คอลลาเจนผงสุดพิเศษที่รวมคอลลาเจนถึง 3 ชนิดเข้าด้วยกัน ได้แก่ คอลลาเจนเปปไทด์, คอลลาเจนไดเปปไทด์ และคอลลาเจนไตรเปปไทด์ นำเข้าจากญี่ปุ่น เป็นคอลลาเจนจากปลา 100% เกรดพรีเมียม โมเลกุลเล็กพิเศษ ทำให้ร่างกายดูดซึมได้ดีมากๆ ละลายง่าย ชงแล้วใสเหมือนน้ำเปล่า ไม่มีกลิ่นคาวให้กังวล ผสมกับเครื่องดื่มอะไรก็อร่อย รสชาติไม่เปลี่ยน ประโยชน์ที่จะได้รับคือช่วยฟื้นฟูผิวจากข้างใน ผิวจะชุ่มชื้น กระชับ ริ้วรอยดูจางลง รอยดำรอยแดงก็จางลงด้วย ผิวแข็งแรงขึ้น แพ้ง่ายน้อยลง นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงข้อต่อและกระดูก ให้ข้อไม่ค่อยปวด กระดูกแข็งแรง เคลื่อนไหวคล่องแคล่วขึ้น ลดโอกาสการเกิดกระดูกพรุนด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังมี D-Biotin (วิตามินบี 7) ที่ช่วยให้ผมสวย เล็บแข็งแรง ผมไม่ร่วงง่าย แถมยังเสริม วิตามินซี มาให้ด้วย ช่วยให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนได้ดียิ่งขึ้นไปอีกขั้น

  • ประเภทคอลลาเจน : คอลลาเจนชนิดผง
  • ชนิดของคอลลาเจน : Peptide,Dipeptide, Tripeptide
  • ปริมาณการรับประทาน : วันละ 1 ช้อนตวง (1 ช้อน = 3,500 มิลลิกรัม)
  • จำนวนการรับประทาน : 28 ครั้ง (1 กระปุก มี 100,000 มิลลิกรัม)
  • ราคา : 499 บาท
  • Collagen from : Japan
  • Logo : 
  • Slogan : คอลลาเจนบริสุทธิ์รวมคอลลาเจน 3 ชนิดเข้าด้วยกัน และมีวิตามินซีและดี-ไบโอติน

ข้อดี

ข้อเสีย

  • รวมคอลลาเจน 3 ชนิด: มี Peptide, Dipeptide และ Tripeptide ซึ่งช่วยเสริมสร้างและฟื้นฟูผิวพรรณได้ครอบคลุมมากกว่าคอลลาเจนชนิดเดียว
  • เสริมไบโอตินช่วยบำรุงเส้นผมและเล็บ: มี D-Biotin (วิตามินบี 7) ที่ช่วยให้เส้นผมแข็งแรง ลดผมร่วง และทำให้เล็บไม่เปราะง่าย
  • ช่วยบำรุงข้อต่อและกระดูก: นอกจากช่วยเรื่องผิว ยังช่วยบำรุงข้อต่อ ลดอาการปวดข้อ และลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน
  • ราคาย่อมเยาเมื่อเทียบกับคุณภาพและปริมาณ: 499 บาทต่อ 100,000 มิลลิกรัม ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นในระดับพรีเมียม
  • ไม่มีคอลลาเจน Type II: แม้จะช่วยบำรุงข้อต่อและกระดูก แต่ไม่มีคอลลาเจน Type II ซึ่งเฉพาะสำหรับบำรุงข้อต่อโดยตรง
  • ไม่มีพรีไบโอติกหรือไฟเบอร์: ต่างจากบางแบรนด์ที่ช่วยเสริมระบบย่อยอาหาร Vida Collagen+Biotin Gold เน้นเฉพาะผิว ผม เล็บ และข้อต่อเท่านั้น
  • ไม่มีสารสกัดจากผลไม้หรือสารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มเติม: แม้ว่าจะมีวิตามินซีช่วยเสริมคอลลาเจน แต่ไม่มีสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ เช่น สารสกัดจากผลไม้หรือชาเขียว

8.Wink White Collagen Pink Glow

8.Wink White Collagen Pink Glow

Wink White Collagen Pink Glow คอลลาเจนที่ผสาน คอลลาเจนไดเปปไทด์และไตรเปปไทด์ นำเข้าจากญี่ปุ่นและอเมริกา ช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ กระจ่างใส ชุ่มชื้นจากภายในสู่ภายนอก ช่วยให้ผิวขาวใสอมชมพูแบบธรรมชาติสุดๆ ด้วย L-Glutathione และ L-Cysteine ที่ช่วยผิวขาวกระจ่างใส สม่ำเสมอทั้งตัว มี SOD จากสารสกัดเมล่อนฝรั่งเศส ต้านอนุมูลอิสระ ลดจุดด่างดำ ชะลอวัยได้ดีมากๆ แถมยังมี Lycopene จากมะเขือเทศ ปกป้องผิวจากมลภาวะและแสงแดด ทำให้ผิวแข็งแรง เปล่งปลั่ง สดใส เติมความชุ่มชื้น ลดริ้วรอย บำรุงข้อต่อและกระดูก มีสารอาหารที่ช่วยช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์ Hyaluronic Acid ช่วยล็อคความชุ่มชื้น ผิวจะนุ่ม เด้ง สุขภาพดี รวมไปถึง Red Blend จากผลไม้สีแดงและผลไม้อื่นๆรวม 30 ชนิด เรียกได้ว่ามีตัวเดียวก็ช่วยให้ผิว ไม่ให้แห้งกร้าน ผิวจะยืดหยุ่น เรียบเนียน ดูอ่อนกว่าวัย

  • ประเภทคอลลาเจน : คอลลาเจนชนิดผง
  • ชนิดของคอลลาเจน : Dipeptide, Tripeptide
  • ปริมาณการรับประทาน : วันละ 1-2 ซอง (1 ซอง = 12,000 มิลลิกรัม)
  • จำนวนการรับประทาน :15 ครั้ง (1 ถุง มี 15 ซอง = 180000 มิลลิกรัม)
  • ราคา : 420 บาท
  • Collagen from : Japan
  • Logo : 
  • Slogan : คอลลาเจน และ วิตามินซี เสริมภูมิ ผิวโกลว ขาวใส บำรุงกระดูก

ข้อดี

ข้อเสีย

  • ช่วยให้ผิวขาวใสอมชมพู: มี L-Glutathione และ L-Cysteine ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดจุดด่างดำได้ดี
  • มีสารสกัดช่วยต้านอนุมูลอิสระ: SOD จากเมล่อนฝรั่งเศส และ Lycopene จากมะเขือเทศ ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะและแสงแดด ลดริ้วรอยและชะลอวัย
  • เติมความชุ่มชื้นให้ผิว: ช่วยกักเก็บน้ำ ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ ไม่แห้งกร้าน
  • ต้องทานวันละ 1-2 ซอง: อาจไม่สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการทานเพียงครั้งเดียวต่อวัน หรือผู้ที่ไม่ชอบชงดื่มหลายครั้ง
  • ไม่มีคอลลาเจน Type II: แม้ว่าจะช่วยบำรุงข้อต่อ แต่ไม่มีคอลลาเจน Type II ซึ่งมีคุณสมบัติเฉพาะในการดูแลข้อต่อโดยตรง
  • รสชาติอาจหวานกว่าปกติ: มีการเสริมสารสกัดจากผลไม้และวิตามิน อาจทำให้รสหวานกว่าคอลลาเจนสูตรดั้งเดิมที่ไม่มีรสชาติ

9.NADE’ Marine Collagen

9.NADE’ Marine Collagen

NADE’ Marine Collagen คอลลาเจนที่มีส่วนผสมพิเศษจาก คอลลาเจนไดเปปไทด์และไตรเปปไทด์จากปลาทะเลน้ำลึกประเทศนอร์เวย์ ทานแล้วช่วยฟื้นฟูผิวได้จากด้านใน ผิวจะเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น กระชับขึ้น ริ้วรอยก็ดูจางลง แถมยังช่วยให้เล็บ ผม แข็งแรงด้วย ผลิตภัณฑ์ยังมี คอลลาเจนไทพ์ทู ที่ช่วยดูแลข้อต่อและกระดูก ช่วยลดการอักเสบ เพิ่มความยืดหยุ่นให้กระดูกอ่อน ลดอาการปวดข้อ ทำให้เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วขึ้น และยังชะลอการเสื่อมของข้อต่อและกระดูกได้ด้วย เหมาะมากๆ สำหรับคนที่อยากดูแลสุขภาพระยะยาว ในผลิตภัณฑ์ยังมีสารอาหารดีๆ อีกเพียบ อย่างเช่น สารสกัดจากปลาทะเลน้ำลึก (Hydrolyzed Marine Fish Collagen) ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้น เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว ลดริ้วรอย และปกป้องผิวจากมลภาวะ มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ กระจ่างใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

  • ประเภทคอลลาเจน : คอลลาเจนชนิดผง
  • ชนิดของคอลลาเจน : Dipeptide, Tripeptide
  • ปริมาณการรับประทาน : วันละ 1 ซอง (1 ช้อน = 10,000 มิลลิกรัม)
  • จำนวนการรับประทาน : 10 ครั้ง (1 กล่อง มี 10 ซอง = 100,000 มิลลิกรัม)
  • ราคา : 690 บาท
  • Collagen from : Norway
  • Logo : 
  • Slogan : คอลลาเจนจากปลาทะเลประเทศนอร์เวย์ ที่ดูดซึมดีกว่าคอลลาเจนชนิดอื่นถึง 10 เท่า

ข้อดี

ข้อเสีย

  • ใช้คอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึกนอร์เวย์: เป็นคอลลาเจนคุณภาพสูง ดูดซึมได้ดีและมีความบริสุทธิ์มากกว่าคอลลาเจนทั่วไป
  • มีทั้งคอลลาเจนไดเปปไทด์, ไตรเปปไทด์ และ Type II: ช่วยบำรุงทั้ง ผิว ข้อต่อ และกระดูก ในผลิตภัณฑ์เดียว
  • ช่วยลดการอักเสบของข้อต่อ: ด้วย Collagen Type II ที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกระดูกอ่อน ลดอาการปวดข้อ และชะลอการเสื่อมของข้อต่อ
  • เสริมสารต้านอนุมูลอิสระ: มี Hydrolyzed Marine Fish Collagen ที่ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ ลดริ้วรอย และทำให้ผิวกระจ่างใส
  • ปริมาณคอลลาเจนสูงต่อซอง: ให้คอลลาเจนมากถึง 10,000 มิลลิกรัมต่อซอง ซึ่งสูงกว่าหลายแบรนด์ ทำให้เห็นผลลัพธ์เร็วขึ้น
  • จำนวนซองต่อกล่องน้อย: มีเพียง 10 ซองต่อกล่อง หมดเร็วกว่าแบรนด์ที่มี 20-30 ซอง ทำให้ต้องซื้อบ่อย
  • อาจไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้อาหารทะเล: เนื่องจากเป็นคอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก อาจทำให้เกิดอาการแพ้ในบางคน
  • ไม่มีสารบำรุงเส้นผมและเล็บโดยตรง: แม้จะช่วยเสริมความแข็งแรงของผิวและข้อต่อ แต่ไม่มี ไบโอติน หรือวิตามินเฉพาะที่ช่วยเรื่องเส้นผมและเล็บ

10.CheevitD Fiber Collagen

10.CheevitD Fiber Collagen

CheevitD Fiber Collagen ผลิตภัณฑ์ที่รวมคุณประโยชน์ของ คอลลาเจนไดเปปไทด์และไตรเปปไทด์ คุณภาพดีจากญี่ปุ่น ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ใสกระจ่าง ริ้วรอยก็ดูจางลงเลย แถมยังช่วยบำรุงข้อต่อกระดูกให้แข็งแรงด้วย ความพิเศษของแบรนด์นี้พิเศษตรงที่มี ไฟเบอร์ธรรมชาติและพรีไบโอติก ช่วยให้ระบบขับถ่ายดี ลำไส้แข็งแรง สุขภาพดีแบบครบวงจร ในซองนึงอัดแน่นไปด้วยสารอาหารดีๆ มากมาย มีทั้ง L-กลูตาไธโอน ที่ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส ลดรอยดำ ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น มี โคเอนไซม์คิวเท็น (Q10) ช่วยฟื้นฟูผิวจากแสงแดด สร้างเซลล์ผิวใหม่ๆ มี สารสกัดจากอาซาอิ เบอร์รี และส้มแขก ช่วยเผาผลาญไขมัน ควบคุมน้ำหนัก เพิ่มพลังงานให้ร่างกายด้วย และ แอปเปิ้ลไซเดอร์ ที่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดี ขับสารพิษออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ประเภทคอลลาเจน : คอลลาเจนชนิดผง
  • ชนิดของคอลลาเจน : Dipeptide, Tripeptide
  • ปริมาณการรับประทาน : วันละ 1 ซอง (1 ช้อน = 15,000 มิลลิกรัม)
  • จำนวนการรับประทาน : 10 ครั้ง (1 กล่อง มี 10 ซอง = 150,000 มิลลิกรัม)
  • ราคา : 690 บาท
  • Collagen from : Japan
  • Logo : 
  • Slogan : ไฟเบอร์คอลลาเจน ครบจบในซองเดียว “แค่ดื่มชีวิตก็ดี๊ดี”

ข้อดี

ข้อเสีย

  • ผสานคอลลาเจนและไฟเบอร์ในหนึ่งเดียว: นอกจากช่วยบำรุงผิว ยังช่วยปรับสมดุลลำไส้ และระบบขับถ่ายให้ดีขึ้นด้วย ไฟเบอร์ธรรมชาติและพรีไบโอติก
  • ช่วยเผาผลาญไขมันและควบคุมน้ำหนัก: มี สารสกัดจากอาซาอิ เบอร์รี และส้มแขก ที่ช่วยเผาผลาญไขมันและเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย
  • เสริมแอปเปิ้ลไซเดอร์และ Q10: แอปเปิ้ลไซเดอร์ ช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารและขับสารพิษออกจากร่างกาย ส่วน โคเอนไซม์ Q10 ช่วยฟื้นฟูผิวจากแสงแดดและลดริ้วรอย
  • คอลลาเจนโมเลกุลเล็ก ดูดซึมเร็ว: ใช้ Dipeptide และ Tripeptide Collagen คุณภาพสูงจากญี่ปุ่น ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น กระจ่างใส และลดริ้วรอย
  • ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการคอลลาเจนเน้นผิวอย่างเดียว: สูตรนี้มีส่วนช่วยเรื่องระบบขับถ่ายและควบคุมน้ำหนัก อาจไม่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเน้นบำรุงผิวล้วนๆ
  • รสชาติอาจแตกต่างจากคอลลาเจนทั่วไป: มีส่วนผสมของไฟเบอร์และสารสกัดจากผลไม้ อาจทำให้รสชาติไม่เหมือนคอลลาเจนปกติที่ไม่มีรส
  • ต้องชงดื่มทุกวัน: เนื่องจากเป็นคอลลาเจนผง ต้องชงดื่ม ซึ่งอาจไม่สะดวกสำหรับบางคนที่ต้องการแบบเม็ดหรือพร้อมดื่ม

 

คอลลาเจน คืออะไร?

คอลลาเจนยี่ห้อไหนดี1

คอลลาเจน คือ เส้นใยโปรตีนชนิดหนึ่งที่ลักษณะเป็นเส้นใยโปรตีนที่แข็งแรง ทนทาน และเหนียวแน่นสูง สามารถพบได้มากถึง 1 ใน 3 ของโปรตีนทั่วร่างกาย โดยจะอยู่ตามโครงสร้างเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ ของทั้งคนและสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง ข้อต่อ กระดูก กระดูกอ่อน ขน เส้นผม กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หรือหลอดเลือด เป็นต้น

องค์ประกอบหน่วยย่อยของคอลลาเจน คือ กรดอะมิโนไกลซีน (glycine) โพรลีน (proline) และไฮดรอกซีโพรลีน (hydroxyproline) เมื่อกรดอะมิโนทั้ง 3 สาย มารวมตัวกันแบบ triple-helix ซึ่งเป็นหน่วยย่อยของคอลลาเจน เรียกว่า โทโพคอลลาเจน (topocollagen subunit) ก็จะกลายเป็นโครงสร้างของคอลลาเจนนั่นเอง

คอลลาเจนทำหน้าที่เป็นทั้งโครงสร้างและกาวที่ยึดเกาะ เพื่อสร้างความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเซลล์และเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ซ่อมแซมและเสริมสร้างเนื้อเยื่อ ต่อต้านอนุมูลอิสระ และช่วยในการการสื่อสารระหว่างเซลล์ด้วย


เราสามารถพบชนิดของคอลลาเจนได้ถึง 28 ชนิด แต่ชนิดที่มากที่สุดในร่างกายโดยคิดเป็นร้อยละ 80 – 90 % เลยก็คือคอลลาเจนชนิดที่ 1, 2, 3, 5 และ 10 ซึ่งแต่ละชนิดมีหน้าที่และโครงสร้างแตกต่างกันออกไปดังนี้

  • คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I) : ถือว่าเป็นคอลาเจนที่พบได้มากที่สุดในร่างกายโดยพบได้มากถึง 90 % เราสามารถพบคอลลาเจนชนิดนี้ได้ตามใต้ชั้นผิวหนังชั้นล่าง (dermis) , เส้นผม กระดูก เนื้อเยื่อ และผนังหลอดเลือด มีส่วนช่วยในการเสริมความยืดหยุ่น ป้องกันเนื้อเยื่อไม่ให้ฉีกขาด การสมานแผล เสริมสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
  • คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen Type II) : เป็นคอลลาเจนที่พบได้มากในกระดูก กระดูกอ่อน และข้อต่อ มีความยืดหยุ่นสูง ช่วยในการกระตุ้นให้เกิดการสังเคราะห์ของเซลล์ให้มีจำนวนมากขึ้น ชะลอการเสื่อมสภาพ ลดอาการเจ็บปวด ของกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ ทำให้คอลลาเจนชนิดนี้เป็นคอลลาเจนที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ
  • คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Collagen Type III) : คอลลาเจนชนิดนี้พบได้มากบริเวณในผิวหนัง กล้ามเนื้อ และหลอดเลือดเช่นเดียวกับคอลลาเจนประเภทที่ 1 แต่น้อยกว่า โดยคิดเป็น 10 % ของสัดส่วน
  • คอลลาเจนชนิดที่ 5 (Collagen Type V) : สามารถพบได้ในบริเวณกระจกตา ใต้ชั้นผิวหนัง ในเนื้อเยื่อบุเซลล์ต่าง ๆ ในครรภ์
  • คอลลาเจนชนิดที่ 10 (Collagen Type X) : คอลลาเจนชนิดนี้สามารถพบได้ตามกระดูกและข้อต่อ

จะเห็นได้ว่าคอลลาเจนเป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบสำคัญในร่างกายเราที่ขาดไม่ได้ ซึ่งโดยปกติแล้วร่างกายของเรานั้นสามารถสร้างคอลลาเจนได้ตามธรรมชาติ แต่เมื่อไหร่ที่เรามีอายุที่มากขึ้น คอลลาเจนก็จะยิ่งสร้างน้อยลง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการสร้างคอลลาเจนด้วย เมื่อเราขาดคอลลาเจนผิวของเราก็จะเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอย เกิดปัญหาตามผิว กระดูกและข้อต่อตามมา ดังนั้นการเสริมคอลลาเจนจึงมีส่วนสำคัญในการชะลอปัญหาเหล่านี้


อ้างอิง :


 

กินคอลลาเจนแล้วได้อะไร? 

คอลลาเจนยี่ห้อไหนดี กินคอลลาเจนแล้วได้อะไร

หลังจากที่เราทราบว่า คอลลาเจนคืออะไร ไปแล้ว เราลองมาดูกันดีกว่าว่าคอลลาเจนกินแล้วได้อะไรบ้าง ปัจจุบันถ้าพูดถึงคอลลาเจนน่าจะเป็นอาหารเสริมที่เป็นที่นิยมของสาว ๆ หลายคนเลยทีเดียว เพราะมีตัวเลือกให้เลือกกันอย่างหลากหลาย ทานง่าย ทั้งแบบผง แบบน้ำ และแบบเจลลี่ ถูกใจสาว ๆ เป็นอย่างดี เพราะผลิตภัณฑ์คอลลาเจนส่วนใหญ่จะช่วยบำรุงทำให้ผิวสวยสุขภาพดี แต่เชื่อว่าหลายคนคงยังไม่รู้ว่าคอลลาเจนนอกจากช่วยเรื่องบำรุงผิวแล้วนั้นยังมีบทบาทสำคัญที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างไร

แม้ว่าธรรมชาติร่างกายของเราสามารถผลิตคอลลาเจนได้เองหรือได้จากการรับประทานอาหารในแต่ละวัน แต่ก็มีคอลลาเจนบางประเภทเท่านั้นที่ร่างกายสามารถย่อยและดูดซับไปใช้งานได้ ยิ่งเมื่ออายุมากขึ้นร่างกายจะเริ่มสูญเสียและผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง ในขณะที่ร่างกายยังต้องการคอลลาเจนในปริมาณเท่าเดิม ดังนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจนได้เพียงพอ จึงอาจต้องทานเสริมด้วย ลองมาดูกันว่าประโยชน์คอลลาเจนมีอะไรบ้าง


1. บำรุงและป้องกันสุขภาพผิว

ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าเราอายุเยอะขึ้นแล้วผิวของเราจะหมองคล้ำและมีรอยเหี่ยวย่นมากขึ้น เพราะการผลิตคอลลาเจนตามธรรมชาติของเราจะลดลง และยังถูกรบกวนด้วยมลภาวะสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น แสงแดด แอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ หรือความเครียด ทำให้เส้นผม ผิวหนัง ฟันและเล็บเสื่อมสภาพ แต่การรับประทานคอลลาเจนผิวขาวจะสามารถช่วยคงความชุ่มชื้น ป้องกันริ้วรอย บำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ลดผมขาดหลุดร่วง บำรุงเล็บไม่ให้เปราะฉีกหักง่าย ช่วยให้ผิวกระชับและเต่งตึง แถมยังบำรุงผิวของเราให้ดูอ่อนกว่าวัยได้อีกด้วย


2. บำรุงข้อต่อและกระดูก

ข้อต่อในร่างกายประกอบด้วยกระดูกอ่อนซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยคอลลาเจนมีส่วนช่วยทำให้ยืดหยุ่นได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เราได้ยินเสียงกร๊อบ ๆ แกร๊บ ๆ หลังขยับตัวแล้วล่ะก็ นั่นเป็นสัญญาณของร่างกายที่ผลิตคอลลาเจนได้น้อยลงและมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาเช่นปวดข้อหรือข้อเสื่อมเนื่องจากกระดูกอ่อนสึก ดังนั้นการทานคอลลาเจนเสริมก็มีส่วนช่วยป้องกันปัญหาเส้นเอ็น ข้อต่อและกระดูก ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์กระดูกอ่อน จากการศึกษาวิจัยในต่างประเทศพบว่าการรับประทานคอลลาเจนสามารถช่วยลดอาการปวดข้อของนักกีฬา ผู้สูงอายุ และผู้ที่เป็นโรคข้อเสื่อมได้


3. สุขภาพลำไส้ ย่อยอาหารได้ดีขึ้น

ในคอลลาเจนมีกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า ไกลซีน (Glycine) ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อปัญหาในลำไส้ สามารถช่วยลดการอักเสบโดยการสร้างเซลล์เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ช่วยปกป้องเยื่อเมือกในลำไส้ ไกลซีนถูกใช้เพื่อจัดการกับอาการลำไส้ใหญ่บวมเป็นแผลหรือโรคลำไส้อักเสบ เนื่องจากมีผลในการป้องกันการดูดซึมในลำไส้ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในการป้องกันลำไส้เล็กในระหว่างการบาดเจ็บ ช่วยเพิ่มการดูดซึมฟรุกโตส และช่วยย่อยอาหารได้ดีขึ้น


4. สุขภาพหัวใจ 

คอลลาเจนเป็นโครงสร้างของหลอดเลือดแดง หากคอลลาเจนมีไม่เพียงพอ หลอดเลือดแดงอาจอ่อนแอและเปราะบาง ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะหลอดเลือดตีบตัน อาการหัวใจวาย และโรคหลอดเลือดสมองได้ จากการทดลองรับประทานคอลลาเจนทุกวันเป็นเวลา 6 เดือน พบว่าความแข็งของหลอดเลือดลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับก่อนที่จะเริ่มรับประทาน


5. ช่วยให้นอนหลับดีขึ้นและทำให้อารมณ์ดี

การรับประทานคอลลาเจนก่อนนอนจะช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ เพราะในคอลลาเจนจะมีกรดอะมิโนที่ชื่อว่า ไกลซีน ซึ่งช่วยเพิ่มระดับเซโรโทนิน (Serotonin) ช่วยผ่อนคลายอารมณ์ ส่งเสริมการนอนหลับ หากคุณง่วงนอนในระหว่างวันหรือมีปัญหาในการนอนตอนกลางคืน ควรลองทานคอลลาเจนก่อนนอนดู เพราะการนอนหลับที่ดีจะส่งผลดีต่อสุขภาพกาย สุขภาพใจและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของร่างกาย

จะเห็นได้ว่าการรับประทานทานคอลลาเจนมีผลดีต่อสุขภาพจริง ๆ ทั้งในเรื่องของผิวพรรณ ผม เล็บ คอลลาเจนช่วยลดสิว ดูแลผิวให้สวย ช่วยให้เราอ่อนเยาว์ด้วยการต่อสู้กับสัญญาณแห่งวัย เช่น ริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ผมร่วงและเล็บฉีก สำหรับอาการปวดข้อและเอ็นหรือข้อเสื่อม ช่วยทำให้ข้อต่อและกระดูกแข็งแรงขึ้นได้หากรับประทานอย่างต่อเนื่อง ช่วยป้องกันปัญหาในลำไส้และซ่อมแซมอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาเรื่องการนอนหลับที่จะส่งผลต่อสมองและอารมณ์ คอลลาเจนสามารถปรับปรุงผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพได้ตลอดจนการทำงานอื่นในร่างกาย อย่างไรก็ตามในการรับประทานคอลลาเจนให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุดก็ควรรับประทานควบคู่ไปกับการกินอาหาร รวมไปถึงการดื่มน้ำ พักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อให้ร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจนและดูดซึมนำไปใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ และรับประทานอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันคอลลาเจนนั้นสามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปอย่างเซเว่น และร้านสะดวกซื้อทั่วไป


อ้างอิง

 

วิธีกินคอลลาเจนให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

คอลลาเจนยี่ห้อไหนดี วิธีกินคอลลาเจนให้ได้ผลดีที่สุด

คอลลาเจน อาหารเสริมที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการบำรุงผิวพรรณและกระดูก ซึ่งอย่างที่หลายคนอาจจะรู้อยู่แล้วว่ายิ่งอายุมากขึ้นความสามารถในการผลิตคอลลาเจนในร่างกายก็จะลดลง ฉะนั้นแล้วผู้ที่ต้องการดูแลผิวให้มีความกระจ่างใส ไร้ริ้วรอยก่อนวัย หรือต้องการบำรุงกระดูก จึงหาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคอลลาเจนมากิน  เมื่อรู้ว่า คอลลาเจนยี่ห้อไหนดี แล้ว แต่นอกเหนือจากการวิธีเลือกคอลลาเจนแล้ว หลายคนก็อาจจะมีข้อสงสัยว่าคอลลาเจนกินยังไง? ต้องกินแบบไหนถึงจะเห็นผลไวที่สุด วันนี้เรามาดูกันว่าวิธีกินคอลลาเจนให้เห็นผลต้องกินอย่างไรบ้าง


1. กินในขณะที่ท้องว่าง

ช่วงเวลาในการกินคอลลาเจนถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดควรเลือกกินคอลลาเจนในขณะที่ท้องว่าง เนื่องจากหากคุณกินคอลลาเจนในขณะที่ท้องยังเต็มไปด้วยอาหาร ร่างกายจะดูดซึมสารอาหารในอาหารก่อนทำให้คอลลาเจนถูกดูดซึมเข้าร่างกายน้อย ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดก็คือตอน ‘ก่อนนอน’ และ ‘หลังตื่นนอน’ เพราะเป็นช่วงที่ท้องยังว่างอยู่ อีกทั้งยังเป็นช่วงที่คอลลาเจนสามารถดูดซึมได้โดยไม่ถูกกรดในกระเพาะอาหารทำลายอีกด้วย


2. เลือกกินคอลลาเจนจากปลา

คอลลาเจนในปัจจุบันมีทั้งจากปลาและจากวัว ซึ่งทั้งสองประเภทนี้ประกอบไปด้วยกรดอะมิโนที่สกัดจากแหล่งที่แตกต่างกัน การเลือกคอลลาเจนจากปลาที่มีสายโซ่ที่เล็กกว่ามากทำให้ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้งานได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเลือกคอลลาเจนจากปลาประเภทไดเปปไทด์ที่มีขนาดโมเลกุลเล็กมากที่สุดจะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมคอลลาเจนเข้าสู่เซลล์ผิวหนังได้ทันที


3. กินคอลลาเจนคู่กับวิตามินซี

หลายคนคงเคยได้ยินว่าควรกินคอลลาเจนคู่กับวิตามินซีเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งมันก็เป็นความจริงในระดับหนึ่ง เนื่องจากมีการศึกษาพบว่าวิตามินซีสามารถช่วยเพิ่มการสังเคราะห์โปรตีนคอลลาเจนเพื่อซ่อมแซมหรือบำรุงผิวที่ถูกทำลายได้ และวิตามินซียังมีส่วนช่วยในกระบวนการดูดซึมอีกด้วย ดังนั้นแล้วมันจึงมีแนวโน้มที่จะทำงานร่วมกันกับคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ


4. ดื่มน้ำเยอะ ๆ

อาหารเสริมคอลลาเจนและสารสกัดต่าง ๆ ต้องการน้ำเพื่อช่วยในการละลาย การดื่มน้ำให้มากพอยังช่วยเสริมประสิทธิภาพของคอลลาเจนได้อีกด้วย โดยสถาบันวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และการแพทย์แห่งชาติสหรัฐอเมริการะบุว่าปริมาณน้ำที่ควรดื่มต่อวันสำหรับผู้หญิงคือ 2.7 ลิตรต่อวัน ส่วนผู้ชายควรดื่มน้ำ 3.7 ลิตรต่อวัน


5. กินคอลลาเจนให้ได้ปริมาณที่ร่างกายต้องการ 

ปริมาณคอลลาเจนที่คุณควรกิน อันดับแรกให้มองหาปริมาณกรัมของคอลลาเจนต่อหน่วยบริโภคที่อยู่บนฉลาก เนื่องจากผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแต่ละแบรนด์ไม่ได้ผลิตออกมาเหมือนกันหมด บางแบรนด์อาจมีตั้งแต่ 2,500-10,000 มิลลิกรัมต่อหน่วยบริโภค ซึ่งปริมาณคอลลาเจนที่คุณควรกินนั้นขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ที่คุณต้องการ เช่น 2,500-10,000 มิลลิกรัมต่อวันมีส่วนช่วยในการดูแลผิว หรือ 15,000-20,000 มิลลิกรัมต่อวันมีส่วนช่วยในการบำรุงกระดูกและกล้ามเนื้อ


อ้างอิง


อย่างที่เห็นแล้วว่า คอลลาเจนยี่ห้อไหนดี นอกจจากนี้จะเห็นได้ว่าการกินคอลลาเจนไม่ได้ช่วยแค่เรื่องการบำรุงผิวได้อย่างเดียวเท่านั้น เพราะมันยังสามารถช่วยบำรุงส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้อีกด้วย ยิ่งอายุเพิ่มมากขึ้นการเลือกอาหารเสริมคอลลาเจนก็ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นในระดับหนึ่งเลย ที่สำคัญอย่าลืมเลือกกินคอลลาเจนที่ได้รับการรับรองจาก อย. และผู้ที่ตั้งครรภ์หรือแพ้อาหารทะเลควรปรึกษาแพทย์ก่อนกินคอลลาเจนเพื่อความปลอดภัย

Picture of Patcharapa Parnpradub

Patcharapa Parnpradub

พัช จบป.โทจากคณะวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ ปัจจุบันทำงานอยู่ในบริษัทเครื่องสำอาง ทำหน้าที่ดูแลให้คำปรึกษาและควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จนมาเปิดเว็บไซต์ส่วนตัวเพื่อแนะนำและรีวิวผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่น่าสนใจ พร้อมให้ความรู้และความเข้าใจในส่วนประกอบ ใครที่กำลังหาข้อมูลผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอาง ลองเข้ามาอ่านบทความหรือร่วมพูดคุยกับพัชกันได้นะคะ
Picture of Patcharapa Parnpradub

Patcharapa Parnpradub

พัช จบป.โทจากคณะวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ ปัจจุบันทำงานอยู่ในบริษัทเครื่องสำอาง ทำหน้าที่ดูแลให้คำปรึกษาและควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จนมาเปิดเว็บไซต์ส่วนตัวเพื่อแนะนำและรีวิวผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่น่าสนใจ พร้อมให้ความรู้และความเข้าใจในส่วนประกอบ ใครที่กำลังหาข้อมูลผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอาง ลองเข้ามาอ่านบทความหรือร่วมพูดคุยกับพัชกันได้นะคะ