สิวอุดตัน หัวดำ เป็นสิวชนิดที่เป็นกันเยอะที่สุด ในทุกเพศ ทุกวัย ไม่ใช่เฉพาะในวัยรุ่นเท่านั้นอย่างที่เข้าใจกัน สิวที่เป็นกันเยอะที่สุดคือสิวหัวขาวและหัวดำ ซึ้งพบเป็นส่วนมากในบริเวณใบหน้า คอ และ หลัง หน้าอก . . . สิวอักเสบ นั้นโดยมาก 80% จะพัฒนามาจากสิวหัวขาว ซึ่งเกิดการอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย และการอุดตันของไขมันบนใบหน้า (sebum) ที่เพิ่มมากขึ้น มาดูกันว่าวิธี “รักษาสิวด้วยตัวเอง” สามารถทำได้อย่างไรบ้าง
ทำความเข้าใจกับร่างกายคนเราก่อน
DNA และลักษณะโครงสร้างต่าง ๆ ทางร่างกายของคนเรานั้น *ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เอง* เมื่อผ่านช่วงเจริญเติบโตเต็มที่มาแล้ว โครงสร้างผิวเช่นกันจะไม่สามารถเปลี่ยนได้อีก นั้นหมายความว่าหากพื้นฐานของคุณเป็นคนมีสิวเป็นจำนวนมากบนใบหน้า ไม่ว่ารักษาอย่างไร > สุดท้ายก็จะยังเป็นสิวเหมือนเดิม การรักษา ดูแล ต้องทำไปตลอด ไม่ใช่พอรักษาหายแล้วก็หยุด เพราะถ้าหยุดรักษาและไม่ดูแลอย่างต่อเนื่องสภาพผิวจะกลับมาเป็นสิวเช่นเดิม
แต่หากคุณเป็นปกติเป็นคนไม่มีสิว แต่อยู่ดี ๆ สิวเห่อขึ้นมาจากปัจจัยภายนอก เช่น ใช้เครื่องสำอางแล้วล้างไม่หมด, สภาพความเคลียด, นอนไม่เพียง, ฮอร์โมน, อาหาร และ ยาบางชนิด > อาการเหล่านี้หากหยุดพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดสิวแล้วสุดท้ายสิวก็จะหายไปเอง หากรอเวลาและดูแลอย่างถูกวิธี เพราะเซลล์ผิวและโครงสร้างบนใบหน้าจะปรับเปลี่ยนมาอยู่ในรูปแบบที่กำหนดไว้โดย DNA
เพราะฉะนั้นหากคุณเป็นคนพื้นฐานมีสิวมากนั้นหมายความว่าต้อง “ดูแลรักษามากกว่าคนอื่นและทำไปตลอดจนกว่าจะแก่” (เพราะเมื่อแก่รูขุมขนจะผลิตน้ำมันน้อยลง ทำให้อาการสิวลดลงตามไปด้วยเพราะไม่มีน้ำมันมาอุดตันรูขุมขนจนเกิดเป็นสิวอุดตัน)
สาเหตุการเกิดของ สิวอุดตัน
-
ปัจจัยภายในที่ทำให้เกิด สิวอุดตัน หัวดำ
ดูรูปนี้กันก่อน เพื่อที่จะอธิบายให้เข้าใจได้ง่าย ๆ
- ใบหน้าของคนเรานั้นโดยธรรมชาติต้องการน้ำมันมาเคลือบเพื่อที่น้ำมันเหล่านั้นจะมาคอยเป็นตัวช่วยปกป้องและดักจับสิ่งแปลกปลอม ฝุ่น สิ่งต่าง ๆ ไม่ให้มาทำร้ายผิวหนังของเราให้เกิดการระคายเคือง โดยต่อมไขมันจะผลิตน้ำมันและไหลออกมาทางรูขุมขน มาปกคลุมใบหน้าของเรา
- ผิวหน้าของคนเราแต่ละคนผลิตน้ำมันไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับโครงสร้าง DNA ของแต่ละคน (รวมถึงปัจจัยภายนอกอื่นๆด้วย เช่น สภาพอากาศ) มากน้อยต่างกันไป / บางคนมากเกินความจำเป็น (หรือเรียกว่าคนที่มีสภาพผิวหน้ามัน) น้ำมันผลิตออกมามากบวกกับปากทางออกนั้น (รูขุมขน) เกิดมีขี้ไคล (ผิวชั้นกำพร้าที่ผลัดออก), ฝุ่น, สิ่งสกปรก หรือเครื่องสำอางมาปิดกั้น = ไขมันจะก่อตัวสะสมกันจนจะกลายสีขาว เรียกว่าสิวหัวขาวหรือสิวหัวปิด โดยมีลักษณะแข็งๆอยู่ด้านใน (หากเอามือจับจะรู้สึกได้ว่ามีอะไรแข็งๆอยู่ข้างในผิวหนัง)
- สิวอุดตัน หัวดำ ถ้าโชคดีผิวหนังของคุณจะผลักดันหัวของสิวออกมาเจอกับอากาศจนหัวสิวนั้นกลายเป็นหัวดำ หรือหัวเปิด ซึ่งไม่ร้ายแรงมากนักและมักไม่เกิดการอักเสบตามมา จะหลุดหรือยุบหายไปเองในไม่กี่วัน ถ้าไม่ไปยุ่ง ไปแกะไปบีบมัน
สำหรับคนหน้าแห้งไขมันผลิตออกมาน้อย แน่นอนว่าสิวอุดตันนั้นจะมีน้อยกว่าคนหน้ามันแต่ใช่ว่าจะปลอดภัยจากปัญหาสิวซะทีเดียว เพราะคนหน้าแห้งนั้นมักจะเป็นสิวผด สิวบางทีก็มีหัว บางทีก็ไม่มีหัว (สิวผดพวกนี้พัฒนาไปเป็นสิวอักเสบได้เช่นกัน) ซึ่งเกิดการการระคายเคืองของใบหน้า (น้ำมันน้อยไม่มีตัวดักจับสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาทำร้ายผิวหน้า)
-
ปัจจัยภายนอกที่ทำให้เกิด สิวอุดตัน หัวดำ
- ความเครียด – ส่งผลให้ฮอร์โมน androgen เพิ่มสูงขึ้น > ปริมาณการผลิต sebum ไขมันบนใบหน้าเยอะขึ้น > ส่งผลให้โอกาสการอุดตันของไขมันในรูขุมขนมากขึ้นไปด้วย
- ฮอร์โมน – เกิดในเพศหญิง โดยเฉพาะช่วงที่มีประจำเดือนและหลังประจำเดือน เมื่อฮอร์โมนไม่คงที่แอนโดรเจนเพิ่มสูงขึ้นก็จะส่งผลให้เกิดสิวเหมือนความเครียด
- เครื่องสำอาง – เครื่องสำอางและครีมส่วนมากมีส่วนผสมของน้ำมันอยู่แล้ว จากทั้งสารสกัดของพืชต่าง ๆ หรือ สารเคมี หากทำความสะอาดไม่ดีมันจะไปอุดตันรูขุมขนและก่อให้เกิดเป็นสิวอุดตันได้
- สภาพอากาศ – โดยเฉพาะอากาศที่ร้อนชื้น ( – -” เมืองไทยเลยแหละ) เหงื่อและไขมันจะออกมามาก ส่งผลให้เกิดการอุดตันและแบคทีเรีย เติบโตได้ดีที่สภาพอากาศเช่นนี้ด้วย
- สิ่งสกปรกและแบคทีเรีย – อุดตันในรูขุมขนปิดกั้นการระบายออกของไขมัน ก่อให้เกิดสิวอุดตันตามมาในกรณีที่แย่กว่านั้น แบคทีเรียจะเร่งให้สิวอุดตันกลายเป็นสิวอักเสบได้เร็วยิ่งขึ้นด้วย
- อาหารและยาบางชนิด – อาหารที่มีน้ำตาลเยอะทำให้ระดับอินซูลินสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้แอนโดรเจนเพิ่มมากขึ้น = สร้างน้ำมันเยอะขึ้น > เป็นสิวอุดตันได้ง่ายขึ้น /// ส่วนยาบางชนิดส่งผลให้ระดับฮอร์โมนสูงขึ้นเช่นกัน
- นอนน้อย – นอกจากน้ำมันบนใบหน้าแล้วที่คอยดักจับสิ่งแปลกปลอม หนังกำพร้ายังทำหน้าที่ป้องกันสิ่งแปลกปลอมเช่นกัน . . . เมื่อนอนน้อยหนังกำพร้าจะทำงานไม่เต็มที่และผลัดออกไปได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้เกิดสิวได้ 2 ประการ :
-หนังกำพร้าที่ไม่หลุดออกไปอุดรูขุมขน
-สิ่งแปลกปลอม แบคทีเรีย สิ่งสกปรกเข้าไปทำให้ผิวระคายเคือง
สิวอักเสบเกิดจากอะไร ทำไมถึงเป็นได้?
พอเข้าใจสาเหตุว่าทำไมถึงเกิดสิวอุดตันกันแล้ว มาดูกันว่าทำไมสิวอุดตันหัวดำจึงพัฒนากลายเป็นสิวอักเสบ
- เมื่อสิวหัวขาวหรือสิวปิดนั้นเกิดการอุดตันมากขึ้น ๆ เชื้อสิวหรือ p. acne (Propionibacterium acne เชื้อสิวอาศัยอยู่ลึกลงไปในชั้นผิวหนังมีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินน้ำมันที่ผลิตออกมาจากต่อมไขมัน) จะขึ้นมากัดกินไขมันที่อุดตัน จนเกิดการอักเสบเป็นแผลแดง
- เมื่อ p.acne ขึ้นมากัดกินไขมันอุดตันของสิวอุดตัน ร่างกายคนเราจะส่งเม็ดเลือดขาวไปต่อสู้กับการอักเสบ
- หลังจากเม็ดเลือดขาวและการอักเสบต่อสู้กันเสร็จ เซลล์เม็ดเลือดขาวที่ตายไปจะกลายเป็นหนอง ซึ่งเป็นที่มาว่าทำไมสิวอุดตัน หัวขาว (หรือหัวปิด) จึงกลายเป็นสิวหัวหนอง
- ถ้าอาการอักเสบนั้นไม่เกิดเป็นหนองก็จะยุบหายไปเอง (แต่ก็ยังทิ้งร่องรอย แดง ดำ เอาไว้อยู่ดี)
ชนิดของสิวอุดตัน
สิวอุดตัน สามารถจำแนกได้เป็น 3 ชนิด ตามลักษณะของสิวอุดตัน ดังนี้
- สิวอุดตัน ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า (Microcomedone) เมื่อผิวหนังมีการหลั่งไขมันมากขึ้นและฮอร์โมนแอนโดรเจนช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ชั้นขี้ไคลที่รูขุมขน จะทำให้เกิดลักษณะที่เรียกว่า “ไมโครคอมีโดน” ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวชนิดต่าง ๆ โดยไม่โครคอมีโดนนี้สามารถหายได้เองหรือพัฒนากลายเป็นสิวชนิดอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับปัจจัยร่วม
- สิวอุดตันหัวเปิด (Open comedone) สิวอุดตันชนิดนี้จะมีหัวสีดำหรือที่รู้จักกันว่า “สิวหัวดำ” โดยสามารถบีบออกหรือกดออกได้แต่ต้องใช้ความระมัดระวังเพราะอาจจะกลายเป็นสิวอักเสบได้นั่นเอง สิวหัวดำนี้มีลักษณะเป็นตุ่มนูนเม็ดเล็ก ๆ และมีจุดสีดำตรงกลาง ซึ่งเป็นจุดรวมของเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ไขมัน และเชื้อแบคทีเรีย P.acne
- สิวอุดตันหัวปิด (Close comedone) สิวอุดตันชนิดนี้จะมีหัวสีขาว โดยจะมีสีเดียวกับผิวหนังแต่เป็นตุ่มนูนที่ไม่สามารถบีบออกหรือกดออกได้ เนื่องจากไม่มีหัวสิวนั่นเองเกิดจากการอุดตันในท่อเปิดของต่อมไขมันและรูขุมขนส่วนใหญ่มักจะกลายเป็นสิวอักเสบได้
7 รักษาสิวด้วยตัวเอง (สิวอุดตัน หัวดำ)
-
ใช้ยารักษาสิวอุดตัน
ใช้ยารักษาสิวควร เลือกยาที่มีส่วนประกอบของสารสำคัญ Benzoyl peroxide จะช่วยลดสิวอุดตัน หัวดำได้ในระดับปานกลางโดยใช้ทาบนใบหน้าวันละ 2 ครั้ง คือเวลาเช้าและก่อนนอนทิ้งไว้ครั้งละ 10 นาที จากนั้นล้างออกให้สะอาด ซึ่งยาชนิดนี้จะช่วยลดปริมาณไขมันของผิวหนังและละลายสิ่งสกปรกที่อุดตันในรูขุมขน
ดังนั้นจึงช่วยลดการอุดตันจากท่อเปิดของต่อมไขมันนั่นเอง แต่ผู้ที่เริ่มใช้ยาชนิดนี้จะต้องเริ่มจากยาที่มีความเข้มข้นต่ำเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยเพิ่มระยะเวลาในการทาให้นานขึ้นแล้วจึงค่อยเพิ่มความเข้มข้นของตัวยา
-
รักษาสิวด้วยตัวเอง ใช้ยาละลายสิวอุดตัน
ใช้ยาละลายสิวอุดตัน เพราะยาประเภทนี้จะอยู่ในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids) ซึ่งเป็นสารสกัดจากอนุพันธ์ของกรดวิตามินเอที่สามารถลดสิวอุดตันได้ดีมาก โดยจะช่วยละลายไขมันที่อุดตันให้อ่อนตัวลงและหลุดออกมาได้ง่ายขึ้น แต่ยาชนิดนี้ควรใช้ภายใต้การควบคุมของแพทย์ผิวหนัง เนื่องจากมีผลข้างเคียงจากการใช้ยาพอสมควร เช่น ทำให้ผิวแห้ง ลอก และไม่สามารถใช้กับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ได้
-
ใช้ผลิตภัณฑ์ประเภท AHA หรือ BHA
ผลิตภัณฑ์รั รักษาสิวด้วยตัวเอง ควรใช้ผลิตภัณฑ์ประเภท AHA หรือ BHA ถึงแม้ว่ายาทั้งสองชนิดนี้จะให้ผลที่ได้ไม่รวดเร็วเท่ายากลุ่มเรตินอยด์ แต่ก็ให้ผลข้างเคียงที่น้อยกว่าอีกด้วย โดย AHA หรือ Glycolic acid จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดออก ส่วน BHA หรือ Salicylic acid จะช่วยละลายไขมันที่อุดตันในรูขุมขนได้ในระดับปานกลาง
-
รักษาสิวด้วยตัวเอง โดยรับประทานยากลุ่มเรตินอยด์
การรักษาสิวโดยรับประทานยากลุ่มเรตินอยด์ เป็นยาที่ช่วยลดการทำงานของต่อมไขมันใต้ชั้นผิวหนัง จึงทำให้ใบหน้ามีความมันลดน้อยลง หน้าแห้ง และลดคอมีโดนที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดสิว แต่เนื่องจากเป็นยาที่มีผลข้างเคียงต่อตับอย่างรุนแรง จึงอาจทำให้เกิดอาการตาพร่ามัวหรือปวดข้อตามร่างกาย ดังนั้นยาชนิดนี้จึงต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์เท่านั้น
-
รักษาสิวด้วยตัวเอง ด้วยการการผลัดเซลล์ผิว
การผลัดเซลล์ผิวหรือการใช้น้ำยาสารเคมีทำการลอกผิวหน้า เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพแล้วสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน ซึ่งสารเคมีที่นิยมใช้ได้แก่ AHA หรือ Glycolic acid, BHA หรือ Salicylic acid, TCA หรือ Trichloroacetic acid และ Phenol หรือ Carbolic acid เพื่อทำให้สิวอุดตันนั้นฝ่อและหลุดออกมาง่ายขึ้น จึงเป็นการช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน
-
กดสิวอุดตันเพื่อ รักษาสิวด้วยตัวเอง
กดสิวอุดตัน วิธีนี้ควรกระทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและมีอุปกรณ์การกดสิวที่มีคุณภาพเท่านั้น เพื่อป้องกันการเกิดรอยดำหรือแผลเป็นและหลุมสิวที่จะรักษายากในภายหลัง ซึ่งวิธีนี้เราจะกดสิวเฉพาะสิวหัวเปิดเท่านั้น แพทย์จะใช้เข็มที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วจิ้มไปที่หัวสิวเพื่อทำให้หัวสิวเปิด จากนั้นจึงจะใช้อุปกรณ์กดสิวกดลงไปตรงกลางของตำแหน่งที่สิวเม็ดนั้น ก็จะทำให้สิวอุดตันหลุดออกมาโดยง่าย
-
การทำเลเซอร์
การทำเลเซอร์สิว วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีสิวอุดตันจำนวนมากซึ่งอาจจะอยู่ลึกหรือกดออกได้ยาก เพราะวิธีรักษาสิวให้หายขาดนี้จะมีประสิทธิภาพดีมาก โดยไม่ทำให้เลือดออกและไม่มีรอยแผลเป็นขณะที่ทำเลเซอร์จะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่ไม่มีอันตรายใด ๆ และควรทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังเท่านั้น
ควรบีบ กด ดึง หัวสิวออกตั้งแต่ยังเป็นสิวอุดตันไหม?
คำตอบคือทั้งใช่และไม่ใช่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับลักษณะผิวหน้าของแต่ละคนด้วย หากบีบ กด ดึง หัวสิวออกโดยวิธีรักษาสิวให้หายขาดที่ถูกต้องหรือโดยหมอผู้เชี่ยวชาญ อาจทำให้สิวไม่เกิดการอักเสบและเป็นแผลเป็นไม่เยอะมากนัก . . . แต่ถ้าหากพลาดขึ้นมาใบหน้าของคุณอาจจะกลายเป็นแผลเป็นชนิดหลุมสิว ซึ่งอยู่กับคุณไปอีกนานแสนนานหรืออาจจะเป็นตลอดชีวิตเลยก็ได้ (ซึ่งขึ้นอยู่กับตัวบุคคลด้วยว่าใบหน้าเกิดหลุมสิวได้ง่ายหรือไม่)
ที่มาของหน้าพังจากปัญหาสิว!
คุณอาจจะเคยเห็นบางคนหน้าเป็นปุ ๆ เป็นหลุมเต็มไปหมดก็เนื่องมาจากการ บีบ กด ดึง สิวอุดตัน หัวดำจนเกิดการอักเสบมากขึ้น เมื่อการอักเสบและติดเชื้อแบคทีเรียมากยิ่งขึ้นจากนั้นเม็ดเลือดขาวจะไปต่อสู้กับเชื่อแบคทีเรียมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ชั้นคอลลาเจนในผิวหนังชั้นในถูกทำลายและเรียงตัวผิดรูปแบบของโครงสร้างผิวหนังเดิมที่คุณมี พอแผลหายแทนที่ผิวหน้าจะเรียบเนียนเป็นปกติ กลับกลายเป็นแผลเป็นแบบหลุมสิวหลุมบนใบหน้า ซึ่งยากมากที่จะรักษาให้กลับมาเรียบเนียนเหมือนเดิม
- ส่วนตัวผู้เขียนเองเชื่อหมอและผู้เชี่ยวชาญส่วนมากที่มักออกมาบอกว่า ไม่ควรไปบีบ กด ดึง สิวอุดตัน
- ควรใช้วิธีรักษาแบบทายาหรือล้างหน้าให้ถูกวิธีดูแลตัวเองเพื่อ ‘รักษาสิวด้วยตัวเอง’ จะดีกว่า
- หากสิวอุดตัวกลายเป็นสิวอักเสบ ทั้งไม่เป็นหนองหรือเป็นหนองก็ไม่ต้องไปเอามือไปยุ่งกับมัน ใช้การรักษาเอาจะดีที่สุด เพื่อป้องกันการเกิดหลุมสิวที่รักษาได้ยากมาก
รักษาสิวด้วยตัวเอง อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
สิวอักเสบเกิดจากอะไร ? จริง ๆ แล้วสิวอักเสบก็เกิดมาจากสิวทั่วไปเพียงแต่มีการอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อ จึงทำให้สิวธรรมดา ๆ มีอาการบวมแดงและอักเสบเป็นหนองโดยสาเหตุหลัก ๆ นั้นมี 2 ประการ ดังนี้
1 . เกิดจากมือของเรา เพราะอาการคันไม้คันมือที่ชอบบีบ แคะ แกะ เกา ทั้งสิวชนิดมีหัวหรือไม่มีหัวก็ตาม จึงทำให้หัวสิวแตกและเกิดการรั่วของคอมีโดน (Comedone) ก่อให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อแบคทีเรีย Staphylococci / Streptococci
2 . เกิดจากเชื้อประจำถิ่น เป็นเชื้อแบคทีเรียที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีว่า Propionibacterium acnes หรือ Acnes นั่นเอง โดยจะกินไขมันบนผิวหน้าของเราเป็นอาหารและสามารถเจริญเติบโตได้ดี หากมีการอุดตันของไขมันที่ก่อให้เกิดการอักเสบของผิวหนัง จากนั้นจึงสร้างเอนไซม์ที่เปลี่ยนไขมันให้กลายเป็นกรดไขมันอิสระ (Free Fatty Acid) ซึ่งก่อให้เกิดอาการระคายเคือง
สิวอักเสบเกิดจากอะไร 5 ประเภทของสิว
1 . สิวเสี้ยน (Trichostasis spinulosa) คือ การอุดตันของกลุ่มขนอ่อน (Vellus hair) ที่อยู่ในรูขุมขน ซึ่งอาจจะพบแค่เพียงเส้นเดียวหรือหลายเส้นก็ได้ มักจะเกิดบริเวณจมูก คาง และหลัง
2 . สิวชนิดตุ่มนูนแดง (Papule) เป็นการอักเสบแค่ส่วนบนของผิวหนังเท่านั้น
3 . สิวชนิดหัวหนอง (Pustule) มีทั้งชนิดที่อยู่บนผิวหนังชั้นตื้นและที่อยู่ลึกลงมา ซึ่งถ้าเป็นหนองบนผิวหนังชั้นตื้นๆ จะสามารถรักษาให้หายได้รวดเร็วกว่าสิวชนิดตุ่มนูนแดง
4 . สิวอักเสบและเป็นก้อนลึก (Nodule) เป็นสิวอักเสบชนิดที่อยู่ลึกลงไปและเป็นก้อนบวม มักจะใช้เวลาในการรักษาค่อนข้างนานและทำให้เกิดแผลเป็นได้ง่าย
5 . สิวชนิดเป็นถุงขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง (Cyst) รู้จักกันในชื่อ “สิวหัวช้าง” และก่อให้เกิดรอยแผลเป็นขนาดใหญ่
3 การ รักษาสิวด้วยตัวเอง (สิวอักเสบ)
หลักการรักษาสิวอักเสบก็คือเราจะต้องเอาหัวหนองออกให้หมด จากนั้นจึงค่อยดูแลรักษาด้วยการรับประทานยาปฏิชีวนะหรือทายาภายนอก โดยการรักษาสิวสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระยะ
1 . สิวเป็นไต มีลักษณะเป็นตุ่มแดงและแข็งเมื่อกดหรือสัมผัสจะรู้สึกเจ็บแต่ว่าไม่มีหัวหนอง เวลาล้างหน้าแล้วมือไปโดนนั้นเจ็บมากก่อให้เกิดความรำคาญและรักษาหายช้า อีกทั้งยังเห็นเป็นรอยนูนแดงชัดเจนสำหรับวิธีรักษาสิวให้หายขาดคือให้แต้มยาทาสิวหรือสมุนไพรสำหรับทาสิวเพื่อลดการอักเสบ สิวจะค่อย ๆ ยุบลงไปโดยไม่มีหัวหนองแต่จะต้องใช้เวลานานพอสมควร
2 . มีหัวหนองและหัวสิวยังไม่สุก รักษาสิวด้วยตัวเอง ที่ดีที่สุดในระยะนี้คือควรกระตุ้นให้หัวสิวสุกโดยเร็วที่สุด เพราะเราจะต้องเอาหนองออกมาให้หมด แต่เพื่อเป็นการป้องกันเกิดรอยแผลเป็นควรจะต้องเอาหนองออกในช่วงเวลาที่สิวสุกด้วยการออกกำลังกายให้ร่างกายของเราเกิดความร้อน ซึ่งจะช่วยเร่งให้สิวสุกเป็นหนองเร็วมากขึ้นและเมื่อสิวสุกแล้วควรกดเอาหนองออกให้หมด จากนั้นใช้ครีมแต้มสิวทาบ่อย ๆ ก็จะเริ่มตกสะเก็ดแล้วค่อยแต้มด้วยครีมลดรอยแผลเป็นจากสิว ทั้งนี้เราต้องไม่ลืมว่าการกดสิวจะต้องทำในช่วงที่สิวสุกเท่านั้นมิเช่นนั้นจะเกิดสิวหัวหนองซ้ำที่บริเวณเดิมๆ
3 . สิวสุก เราสามารถเจาะเอาหัวหนองออกให้หมดในระยะนี้ได้ ซึ่งสิวจะหายไปเองโดยไม่เกิดการติดเชื้อหรืออาจจะทาครีมแต้มสิวและครีมลดรอยเพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็นในระยะยาว
วิธีป้องกันสิวอักเสบเบื้องต้น
1 . เลิกสัมผัสใบหน้าด้วยมือ เราต้องเลิกแคะ แกะ หรือเกาบนใบหน้าด้วยมือเสียที เนื่องจากมือของเราที่สัมผัสผิวหน้ามักจะมีสิ่งสกปรกและเชื้อแบคทีเรียที่มองไม่เห็น ซึ่งถ้าหากมีสิวอยู่แล้วก็อาจจะทำให้เชื้อโรคเข้าสู่หัวสิวแล้วพัฒนาเป็นสิวอักเสบได้
2 . หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมบางชนิด โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Olive oil และ Lanolin หรือมีส่วนประกอบของน้ำมันเพราะจะทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนได้
3 . ล้างหน้าให้สะอาด เป็นการทำความสะอาดผิวหน้าเพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่คั่งค้างหรืออุดตันในรูขุมขนออกให้มากที่สุดซึ่งไม่ใช่แค่เพียงการล้างหน้าบ่อย ๆ เท่านั้น แต่ต้องล้างหน้าอย่างมีประสิทธิภาพจึงจะช่วยขับของเสียและน้ำมันที่ตกค้างบนผิวหน้าไม่ให้อุดตันจนกลายเป็นสิว
4 . เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักและไม่ก่อให้เกิดสิว ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้าประเภท Water – based หรือ Oil – free จะเหมาะกับผิวที่เป็นสิวมากกว่าเพราะผิวหน้าของเราต้องการความชุ่มชื้นมากกว่าเพื่อเป็นการสร้างความยืดหยุ่นเต่งตึงให้กับผิวพรรณและไม่ก่อให้เกิดสิวเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย (Non – Comedogence)
5 . การมาส์กหน้าด้วยสมุนไพร เป็นการ รักษาสิวด้วยตัวเอง ด้วยสมุนไพรจากธรรมชาติโดยให้ประสิทธิภาพในการรักษาแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน ดังนั้นเราจึงควรเลือกสูตรมาส์กหน้าให้เหมาะกับสภาพผิวของตนเองด้วยสมุนไพรรักษาสิว
4 วิธี รักษาสิวด้วยตัวเอง แบบธรรมชาติ ได้ผลดี 100 %
วิธีรักษาสิวหัวดำ ขัดหน้าด้วยน้ำผึ้งมะนาว
วิธีรักษาสิวหัวดำวิธีแรกของการกำจัดสิงหัวดำอย่างอ่อนโยนก็คือให้นำมะนาวมาฝานออกครึ่งลูก แล้วบีบน้ำผึ้งแท้เข้มข้นลงไปตรงกลางมะนาวด้านที่โดนฝาน จากนั้นให้ใช้ผลมะนาวทาบที่ผิวหน้าขัดแบบเบามือวนเป็นวงกลมเพียงครู่เดียวอย่าทิ้งเอาไว้นานให้วนตรงที่มีสิวมากหน่อยแล้วล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า คุณจะพบว่าสิวหัวดำส่วนจะหลุดออกโดยเฉพาะสิวที่แก่จัด ๆ และยังได้ผิวหน้าเรียบขาวใสด้วย
วิธีการรักษาสิวหัวดำ ลอกหน้าด้วยนมสดและเจลาติน
วิธีการรักษาสิวหัวดำ ถ้าคุณอยากให้สิวหัวดำหลุดออกมาทั้งรากเลยแบบเบา ๆ และอ่อนโยนแทนการบีบสิวที่ทำกันบ่อย ๆ ต้องใช้วิธีนี้จึงจะได้ผลให้เอาผงเจลลาตินที่ใช้ทำขนมพวกวุ้นมา 1 ซอง จากนั้นก็นำนมสดมาผสมสักประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ กะให้มีความเหนียงหนืดอย่าใส่นมมากจนถึงกับเหลวเป็นน้ำแล้วจึงนำใส่ในไมโครเวฟเข้าอุ่นในไมโครเวฟฟประมาณ 10-15 นาทีให้อุ่นและละลายเข้าเนื้อกันเป็นอย่างดี นำออกมาให้อุ่นพอที่จะทาลงไปบนหน้าแล้วไม่ร้อน พอกไปให้ทั่วหน้าโดยเฉพาะส่วนที่เป็นสิวหัวดำ
ทิ้งไว้อย่างนั้นจนเจลาตินแห้งติดกับผิวแล้วก็ลอกออก คุณจะเห็นว่าสิวหัวดำส่วนใหญ่หลุดลอกออกมาได้อย่างง่าย ๆ ไม่เพียงเท่านั้นยังออกมาทั้งรากอีกด้วยโดยที่ผิวของคุณไม่บอบช้ำเลย
กำจัดสิวเสี้ยนหรือสิวหัวดำบริเวณจมูก
กำจัดสิวหัวดำสำหรับสิวหัวดำหรือสิวเสี้ยนส่วนมากมักจะขึ้นตรงบริเวณจมูก ถ้าเผลอไปบีบจมูกจะเป็นรูพรุนเต็มไปหมดได้ วิธีง่าย ๆ ให้ใช้ไข่ขาวสดมาทาบริเวณจมูกแล้วทิ้งไว้จนแห้ง จากนั้นก็ลอกออกแค่นี้สิวหัวดำก็จะหลุดออกมาไดเอย่างง่ายดาย
สูตรรักษาสิวหัวดำ กำจัดสิวหัวดำสำหรับคนที่มีสิวหัวดำขึ้นน้อย
สูตรรักษาสิวหัวดำสำหรับคนที่มีสิวหัวดำหรือสิวเสี้ยนขึ้นไม่มากและต้องการกำจัดออกก็มีวิธีรักษาสิวให้หายขาดง่าย ๆ มาฝากเช่นกัน ไม่ต้องไปเตรียมวัตถุดิบใด ๆ ให้ยุ่งยากมากเกินไปเพียงแค่ใช้ยาสีฟันธรรมดาที่มีอยู่แล้วที่บ้านสูตรใดก็ได้นำมาบีบออกนิดเดียวแล้วผสมกับเกลือในปริมาณใกล้เคียงกัน จากนั้นก็คนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกันแล้วทาลงบนหัวสิวหัวดำเป็นจุด ๆ รอให้ยาสีฟันแห้งแล้วแกะออก สิวหัวดำก็จะหลุดออกมาเช่นกัน
การดูแลเพื่อ รักษาสิวด้วยตัวเอง
รักษาสิวด้วยตัวเอง แม้ว่าสิวจะไม่ส่งผลเสียกับร่างกายแต่อย่างใดแต่การที่มีปัญหาสิวเป็นระยะเวลานานนั้น ส่งผลเสียต่อสภาพจิตในหลาย ๆ ด้าน ทั้งความมั่นใจ ความวิตกกังวล รวมไปถึงปัญหาความเครียดด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้สุดท้ายก็กลับมาส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของคุณอยู่ดี
การทำวิจัยทางวิทยาศาสตร์ยังค้นพบว่า ผู้ที่มีปัญหาสิวอย่างต่อเนื่องระยะยาว ยังมีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้าได้สูงกว่าคนปกติอีกด้วยการ ‘รักษาสิวด้วยตัวเอง‘ นั้น ต้องทำอย่างจริงจังและต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ปกติก็เกิดปัญหาสิวได้ง่ายอยู่แล้ว (สำหรับผู้ที่ปกติไม่ค่อยมีปัญหาสิว แต่ปัญหาสิวส่วนใหญ่เกิดจากปัจจัยภายนอกถือว่าโชคดี เพราะถึงปล่อยไว้รักษาบ้างไม่รักษาบ้าง ผิวหน้าก็จะกลับมาสู่สภาพปกติที่ไม่มีสิวเอง แต่อาจจะกินเวลานานหน่อยถ้าหากเทียบกับการรักษาอย่างถูกวิธี)
รักษาสิวด้วยตัวเอง
- อาหารที่รับประทาน
กินอาหารประเภทนม เนย ชีส อาหารจำพวกที่มีน้ำตาลสูง หรืออาหารจำพวกที่มีมันมาก ๆ เพิ่มโอกาสการเป็นสิวมากขึ้น นักวิทศาสตร์แนะนำว่าให้กินอาหารจำพวกต่อไปนี้เพื่อผิวพรรณที่ดีขึ้นและยังช่วยลดปัญหาสิวลงด้วย
- การล้างหน้า
ล้างหน้าวันละสองรอบเช้าและก่อนนอนไม่มากไปกว่านี้ – ใช้สบู่หรือคลีนเซอร์ที่อ่อนโยนต่อผิว ใช้น้ำอุ่น ๆ ในการล้างหน้า ไม่ถูหน้าแรงจนเกินไป ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ benzoyl peroxide
- ไม่บีบ แกะ แงะ กด สิว
การบีบ แกะ แงะ กด สิว หรือ วิธีอื่น ๆ ที่ใช้กำลังทำให้หัวสิวออกมา วิธีรักษาหลุมสิวและสิวให้หายขาดพวกนี้อาจทำให้การติดเชื้อลึกลงไปถึงผิวหนังชั้นในทำให้การอุดตันมีความนรุนแรงมากขึ้น อาการบวมแดงและรอยดำหลังจากสิวหายแย่ลง แถมการบีบสิวนั้นอาจทำให้เกิดแผลเป็นแบบหลุมสิวอีกด้วย
- ไม่เอามือจับใบหน้า
วิธี รักษาสิวด้วยตัวเอง ให้หายขาดต้องพยายามที่จะไม่เอามือไปจับใบหน้า แต่รู้ไหมว่าบางทีที่คุณเผลออาจเอามือไปจับใบหน้าได้โดยไม่รู้ตัว บางคนถึงกับเอามือไปบีบไปแกะสิวโดยไม่รู้ตัว กรณีนี้รวมไปถึงโทรศัพท์มือถือของคุณด้วย อย่าพยายามเอาไปสัมผัสกับผิวหน้า เพราะโทรศัพท์เต็มไปด้วยคราบมันที่ติดอยู่ รวมไปถึงสิ่งสกปรกและแบคทีเรีย จำนวนมากอีกด้วย
- ความสะอาดของมือคุณ
ล้างมือและเล็บของคุณเป็นประจำ ตัดเล็บให้สั้นอยู่เสมอ เพราะเล็บที่ยาวเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียและสิ่งสกปรก ที่สามารถไปอุดตันรูขุมขน ทำให้เกิดเป็นสิวอุดตันหัวดำได้ในที่สุด
- แว่นตาที่คุณใส่
การ รักษาสิวด้วยตัวเอง ว่นตาที่คุณใส่เป็นประจำนั้นหากไม่ทำความสะอาดดี ๆ จะเป็นที่สะสมของสิ่งสกปรกและคราบมันและผิวหนังกำพร้าเล็ก ๆ ที่ตายแล้ว ซึ่งสุดท้ายจะกลายเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดสิวในที่สุด
- ผม
ผมบังหน้าทำให้เป็นสิว ถ้าคุณเป็นคนผมยาวควรรักษาผมให้สะอาดอยู่เสมอ เพราะเส้นผมเต็มไปด้วย sebum (น้ำมันตัวเดียวกับน้ำมันบนใบหน้า) ซึ่งหากผมยาวจนลงมาปกปิดใบหน้าจะกลายเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดสิวได้เช่นกัน
รักษาสิวด้วยตัวเอง เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็คงสามารถทำได้เองเพียงแค่ต้องใช้เวลาและต้องรักษาสะอาดให้มากขึ้น รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่าง ๆ ทั้งการกินและการใช้ชีวิตประจำวันเพียงเท่านี้ เชื่อได้เลยว่าผิวหน้าของคุณจะต้องแข็งแรงขึ้นและลดการเกิดสิวเพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอน
อ้างอิง :
- 15 home remedies for acne : https://www.medicalnewstoday.com/articles/322455
- How to Get Rid of Acne: 14 Home Remedies for Pimples : https://www.healthline.com/nutrition/13-acne-remedies
- Acne : https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/12233-acne