ในปัจจุบันที่ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและความงามจากธรรมชาติมากขึ้น สกินแคร์สารสกัดจากธรรมชาติ จึงได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะส่วนผสมจากพืชที่มีคุณสมบัติพิเศษในการบำรุงผิว ไม่เพียงแต่ปลอดภัยและอ่อนโยน แต่ยังช่วยบำรุง ฟื้นฟู และแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างล้ำลึก สารสกัดจากชาเขียว ว่านหางจระเข้ และน้ำมันโรสฮิป เป็นตัวอย่างของสารสกัดที่โดดเด่นและเหมาะสมกับการดูแลผิวของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบ ควบคุมความมัน หรือการฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงและสดใส ทั้งหมดนี้ทำให้สารสกัดธรรมชาติกลายเป็นทางเลือกยอดนิยมในการดูแลผิวอย่างแท้จริง
ประโยชน์ของชาเขียวใน สกินแคร์สารสกัดจากธรรมชาติ
สารสกัดจากชาเขียว (Green Tea Extract) ถือเป็นส่วนผสมที่ได้รับความนิยมในผลิตภัณฑ์สกินแคร์อย่างมาก เนื่องจากเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องผิวจากการทำลายของมลภาวะ ลดการอักเสบ และฟื้นฟูผิวให้ดูสดใส ชาเขียวจึงเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวมันและผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยและบำรุงผิวให้แข็งแรงขึ้นอีกด้วย
ชาเขียวช่วยปรับสมดุลผิว ลดการอักเสบและความมัน
หนึ่งในประโยชน์ที่โดดเด่นของชาเขียวคือความสามารถในการ ควบคุมความมัน ชาเขียวมีสารสำคัญชื่อว่าโพลีฟีนอล (Polyphenols) โดยเฉพาะสารที่ชื่อว่า EGCG (Epigallocatechin Gallate) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบและช่วยป้องกันการเกิดสิว สาร EGCG นี้จะช่วยลดการผลิตน้ำมันบนผิว ทำให้เหมาะสำหรับคนที่มีผิวมันหรือต้องการควบคุมความมันบนใบหน้า
นอกจากนี้ ชาเขียวยังช่วยลดการระคายเคืองและการอักเสบของผิว ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิว จึงเป็นตัวช่วยที่ดีในการดูแลผิวที่มีปัญหาสิว ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้นและดูเรียบเนียนยิ่งขึ้น
วิธีเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดชาเขียว
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดชาเขียวให้ได้ผลดีนั้น ควรพิจารณาประเภทของผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวและความต้องการของคุณเอง
- เซรั่มชาเขียว (Green Tea Serum)เซรั่มเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อบางเบา ซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการบำรุงล้ำลึกและต้องการควบคุมความมันบนใบหน้า เลือกเซรั่มที่มีส่วนผสมของชาเขียวในลำดับต้น ๆ ของรายการส่วนผสม เพื่อให้มั่นใจว่าสารสกัดมีความเข้มข้นพอเหมาะ สามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น ช่วยให้ผิวดูสดใสและสมดุล
- โทนเนอร์ชาเขียว (Green Tea Toner)โทนเนอร์ที่มีสารสกัดจากชาเขียวเหมาะสำหรับการเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงขั้นถัดไป อีกทั้งยังช่วยขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกินที่อาจหลงเหลืออยู่หลังจากการล้างหน้า ควรเลือกโทนเนอร์ที่ปราศจากแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันการระคายเคืองและให้ความชุ่มชื้นอย่างอ่อนโยน
- มาส์กชาเขียว (Green Tea Mask)มาส์กที่มีส่วนผสมของชาเขียวสามารถใช้เป็นประจำเพื่อฟื้นฟูผิวที่ต้องการความสดชื่น โดยเฉพาะในวันที่ผิวดูอ่อนล้าและหมองคล้ำ มาส์กชาเขียวจะช่วยทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น พร้อมลดอาการอักเสบและให้ความรู้สึกผ่อนคลาย
- ครีมบำรุงที่มีชาเขียว (Green Tea Moisturizer)สำหรับผิวที่ต้องการความชุ่มชื้น แต่ไม่อยากให้ผิวมัน ครีมบำรุงที่มีสารสกัดจากชาเขียวสามารถให้ความชุ่มชื้นอย่างสมดุล โดยเฉพาะครีมบำรุงที่มีเนื้อบางเบา จะช่วยบำรุงผิวโดยไม่ทำให้เกิดความมันส่วนเกิน
การบำรุงและให้ความชุ่มชื้นจากว่านหางจระเข้ สกินแคร์สารสกัดจากธรรมชาติ
ว่านหางจระเข้ (Aloe Vera) ถือเป็นพืชที่ได้รับความนิยมมากในวงการสกินแคร์ เพราะมีคุณสมบัติเด่นในการให้ความชุ่มชื้น ฟื้นฟู และบำรุงผิวอย่างล้ำลึก ไม่เพียงแต่ให้ผิวดูเนียนนุ่มและมีสุขภาพดี แต่ยังช่วยลดอาการระคายเคืองและอักเสบได้อีกด้วย ว่านหางจระเข้จึงเป็นตัวช่วยที่สำคัญสำหรับการดูแลผิวทั้งในชีวิตประจำวันและการดูแลหลังจากที่ต้องเผชิญกับแสงแดด
ว่านหางจระเข้ เติมความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวที่แห้ง
ว่านหางจระเข้เป็นที่รู้จักในเรื่องของการกักเก็บความชุ่มชื้นให้แก่ผิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งและผิวที่ระคายเคือง การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้จะช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิว และทำให้ผิวดูสดชื่นยิ่งขึ้น
- ฟื้นฟูผิวแห้งกร้านว่านหางจระเข้มีสารที่ช่วยในการกักเก็บน้ำใต้ผิว ทำให้ผิวสามารถคงความชุ่มชื้นไว้ได้นาน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดูแลผิวที่แห้งและขาดน้ำ ว่านหางจระเข้ยังช่วยปรับสมดุลน้ำในผิว ทำให้ผิวดูมีชีวิตชีวาและลดความแห้งกร้าน
- ช่วยปลอบประโลมผิวหลังออกแดดด้วยคุณสมบัติที่เย็นสบาย ว่านหางจระเข้ช่วยลดการแสบร้อนของผิวหลังการออกแดดได้ดีมาก ช่วยปลอบประโลมและลดการอักเสบที่เกิดจากรังสี UV จึงเหมาะสำหรับการใช้เป็นผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูหลังออกแดด ให้ความรู้สึกสบายและช่วยให้ผิวดูแข็งแรงยิ่งขึ้น
วิธีการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ว่านหางจระเข้ตามประเภทผิว
เพื่อให้ได้ประโยชน์จากว่านหางจระเข้มากที่สุด การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวแต่ละประเภทจึงเป็นสิ่งสำคัญ
- สำหรับผิวแห้งหากคุณมีผิวแห้ง ควรเลือกใช้ มอยส์เจอไรเซอร์หรือเจลว่านหางจระเข้ที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่งจะช่วยให้ความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก ช่วยปรับสมดุลและเติมเต็มน้ำในชั้นผิวให้ยาวนานยิ่งขึ้น มอยส์เจอไรเซอร์ว่านหางจระเข้จะช่วยบำรุงผิวที่แห้งและขาดน้ำได้เป็นอย่างดี ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและนุ่มนวล
- สำหรับผิวแพ้ง่ายว่านหางจระเข้เหมาะมากสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย แต่ในการเลือกผลิตภัณฑ์ ควรระวังการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมอื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น น้ำหอมและแอลกอฮอล์ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมว่านหางจระเข้แบบบริสุทธิ์ และปราศจากสารเคมีรุนแรง เพื่อให้มั่นใจว่าผิวของคุณจะได้รับการดูแลอย่างอ่อนโยนและปลอดภัย
- สำหรับการดูแลทั่วไปหากคุณมีผิวผสมหรือผิวที่ไม่ได้มีปัญหาเฉพาะเจาะจง ก็สามารถเลือกใช้เจลว่านหางจระเข้หรือโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมนี้ในการดูแลผิวประจำวันได้ ช่วยเสริมความชุ่มชื้นอย่างพอเหมาะ และยังช่วยให้ผิวดูสดใสและมีสุขภาพดี
การเลือกใช้ว่านหางจระเข้ในผลิตภัณฑ์สกินแคร์จะให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นหากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ
การฟื้นฟูผิวและลดเลือนริ้วรอยด้วยน้ำมันโรสฮิป
น้ำมันโรสฮิป (Rosehip Oil) เป็นอีกหนึ่งสารสกัดจากธรรมชาติที่ได้รับความนิยมในวงการสกินแคร์ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในเรื่องการลดเลือนริ้วรอยและปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน โรสฮิปออยล์สามารถช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์และกระจ่างใสขึ้น ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่ต้องการดูแลผิวให้แลดูสุขภาพดีและสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ
โรสฮิปออยล์ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามิน C
หนึ่งในคุณสมบัติเด่นของน้ำมันโรสฮิปคือ การอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามิน C ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการบำรุงและฟื้นฟูผิว สารต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระและมลภาวะรอบตัว ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยและผิวหมองคล้ำ
- วิตามิน C ในโรสฮิปออยล์มีความสามารถในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและลดเลือนริ้วรอย ทั้งยังช่วยให้ผิวดูสดใสและมีชีวิตชีวา
- นอกจากนี้ น้ำมันโรสฮิปยังช่วย ลดรอยแผลเป็น และรอยสิว ช่วยปรับผิวให้เรียบเนียนขึ้น จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวที่มีปัญหารอยต่าง ๆ
น้ำมันโรสฮิปจึงเป็นส่วนผสมที่ยอดเยี่ยมในการดูแลผิว ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูสภาพผิวหรือการเสริมความอ่อนเยาว์ ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและกระจ่างใสยิ่งขึ้น
วิธีเลือกใช้น้ำมันโรสฮิปให้เหมาะกับผิวที่ต้องการการฟื้นฟู
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากน้ำมันโรสฮิป ควรเลือกใช้อย่างเหมาะสมตามความต้องการของสภาพผิว
- การใช้แบบเดี่ยว ๆหากคุณต้องการการบำรุงล้ำลึก สามารถใช้น้ำมันโรสฮิปเพียว ๆ โดยการหยดเพียง 2-3 หยดลงบนปลายนิ้วมือและทาเบา ๆ บนบริเวณที่ต้องการการฟื้นฟู เช่น บริเวณรอยแผลเป็นหรือริ้วรอย การใช้น้ำมันโรสฮิปแบบเดี่ยว ๆ ช่วยให้สารสกัดทำงานได้เต็มที่ และซึมเข้าสู่ผิวได้ดี เหมาะสำหรับผิวที่ต้องการการบำรุงอย่างเข้มข้น
- การผสมในมอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผู้ที่มีผิวแห้งหรือผิวที่มีปัญหาริ้วรอย สามารถผสมน้ำมันโรสฮิปลงในมอยส์เจอไรเซอร์เพียงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและช่วยป้องกันริ้วรอย ผิวจะได้รับการฟื้นฟูและดูเนียนนุ่มมากขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้ในช่วงเวลากลางคืนเพื่อให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่ขณะหลับ
- การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันโรสฮิปเป็นส่วนผสมหลักหากคุณต้องการความสะดวกในการใช้งาน สามารถเลือกผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันโรสฮิปเป็นหลัก เช่น เซรั่มหรือครีมบำรุงผิว การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นของน้ำมันโรสฮิปจะช่วยให้คุณได้รับคุณประโยชน์จากสารสกัดนี้อย่างครบถ้วนโดยไม่ต้องปรับใช้งานเพิ่มเติม
น้ำมันโรสฮิปเป็นทางเลือกที่ดีในการดูแลผิวแบบธรรมชาติ และเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวและลดเลือนริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติ
เทคนิคการเลือกใช้ สกินแคร์สารสกัดจากธรรมชาติ ให้เข้ากับสภาพผิว
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากธรรมชาติเป็นการดูแลผิวที่ไม่เพียงช่วยให้ผิวสวยอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ยังปลอดภัยและลดความเสี่ยงต่อการระคายเคือง อย่างไรก็ตาม การเลือกสารสกัดที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคนจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ในหัวข้อนี้ เราจะมาแนะนำเทคนิคการเลือกสารสกัดตามสภาพผิว เพื่อให้การดูแลผิวของคุณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ อาหารเสริมเพื่อผิวสวย ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่เสริมสร้างความงามของผิวจากภายในเช่นกัน
การเลือกใช้สารสกัดที่เหมาะสมกับผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม และผิวแพ้ง่าย
การเข้าใจสภาพผิวของตนเองและเลือกใช้สารสกัดจากธรรมชาติที่ตรงกับสภาพผิวเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการดูแลผิวหน้าแบบปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
- ผิวมันสำหรับผู้ที่มีผิวมัน ควรเลือกใช้สารสกัดที่ช่วยควบคุมความมันและลดการอักเสบ โดยสารสกัดจากชาเขียวและเปลือกต้นวิลโลว์ (Willow Bark) เป็นตัวเลือกที่ดี ชาเขียวมีคุณสมบัติช่วยปรับสมดุลความมันและมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ส่วนสารสกัดจากเปลือกต้นวิลโลว์มีสารซาลิไซเลตธรรมชาติ ซึ่งช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและลดการอุดตันของรูขุมขน
- ผิวแห้งผิวแห้งต้องการความชุ่มชื้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นควรเลือกสารสกัดที่มีคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้น เช่น ว่านหางจระเข้และน้ำมันโรสฮิป ว่านหางจระเข้มีความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้น ช่วยทำให้ผิวดูนุ่มนวล ส่วนโรสฮิปออยล์อุดมไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็น ช่วยฟื้นฟูผิวแห้งกร้านและเสริมความยืดหยุ่นของผิว
- ผิวผสมสำหรับผิวผสม ควรเลือกสารสกัดที่มีความสามารถในการควบคุมความมันและให้ความชุ่มชื้นไปพร้อม ๆ กัน เช่น ชาเขียวและว่านหางจระเข้ ชาเขียวจะช่วยควบคุมความมันในบริเวณ T-zone และว่านหางจระเข้จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้บริเวณที่ผิวแห้ง
- ผิวแพ้ง่ายผิวแพ้ง่ายต้องการการดูแลที่อ่อนโยนและปลอดภัย ควรเลือกสารสกัดที่ปราศจากน้ำหอม สารเคมี และแอลกอฮอล์ ว่านหางจระเข้เป็นสารสกัดที่แนะนำ เนื่องจากมีคุณสมบัติในการปลอบประโลมผิวและลดการระคายเคือง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมแบบบริสุทธิ์เพื่อความปลอดภัย
วิธีอ่านฉลากส่วนผสมเพื่อเลือกใช้สารสกัดจากธรรมชาติ
การอ่านฉลากส่วนผสมเป็นขั้นตอนสำคัญในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวของคุณ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณได้สารสกัดจากธรรมชาติที่เข้มข้นและมีคุณภาพสูงสุด
- เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดธรรมชาติอยู่ในลำดับแรก ๆสารสกัดจากธรรมชาติที่มีอยู่ในลำดับแรก ๆ บนฉลากหมายความว่ามีปริมาณสูงในสูตรของผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับประโยชน์จากสารสกัดนั้นในปริมาณที่เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงสารกันเสียและแอลกอฮอล์สำหรับผิวที่ระคายเคืองง่าย ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารกันเสียและแอลกอฮอล์ เนื่องจากอาจทำให้ผิวแห้งและเกิดการระคายเคืองได้ โดยเฉพาะผิวที่แพ้ง่าย
- เลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำหอมและสารเคมีที่ไม่จำเป็นน้ำหอมและสารเคมีสังเคราะห์บางชนิดอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ ควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำหอมหรือใช้สารสกัดจากธรรมชาติเป็นหลัก เพื่อป้องกันการระคายเคืองและทำให้ผิวได้รับการดูแลที่ปลอดภัย
การเลือกสารสกัดจากธรรมชาติไม่ว้าจะเป็นสารสกัดจากทะเลหรือแหล่งอื่นๆ ที่เหมาะสมกับสภาพผิวจะช่วยให้คุณสามารถดูแลผิวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและปลอดภัย สร้างความมั่นใจว่าผิวของคุณจะได้รับการบำรุงอย่างอ่อนโยนและมีสุขภาพดีในระยะยาว
สรุปแล้ว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่มีสารสกัดจากธรรมชาติเป็นทางเลือกที่ดีและปลอดภัยในการดูแลผิว โดยการเลือกสารสกัดที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นชาเขียวที่ช่วยควบคุมความมัน ว่านหางจระเข้ที่เติมความชุ่มชื้น หรือโรสฮิปที่ฟื้นฟูผิวและลดเลือนริ้วรอย ล้วนสามารถเสริมสร้างผิวให้แข็งแรงและมีสุขภาพดีได้ การใส่ใจในส่วนผสมและเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์สภาพผิว จะช่วยให้ผิวของคุณได้รับการดูแลอย่างแท้จริงและยั่งยืนในระยะยาว
คำถามที่พบบ่อย
1. สารสกัดจากชาเขียวเหมาะกับผิวแบบไหน?
สารสกัดจากชาเขียวเหมาะสำหรับผิวมันและผิวที่เป็นสิวง่าย เนื่องจากมีคุณสมบัติช่วยควบคุมความมันและลดการอักเสบ ช่วยปรับสมดุลของผิวและป้องกันการเกิดสิว นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้สดใสยิ่งขึ้น
2. ว่านหางจระเข้ใช้ได้กับผิวทุกประเภทหรือไม่?
ว่านหางจระเข้เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย เพราะมีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นและช่วยปลอบประโลมผิวจากการระคายเคืองได้ดี ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์เพื่อความปลอดภัยสำหรับผิวแพ้ง่าย
3. น้ำมันโรสฮิปช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
น้ำมันโรสฮิปอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามิน C ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดเลือนริ้วรอย ลดรอยแผลเป็นจากสิว และช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียน กระจ่างใส และมีสุขภาพดี
4. ควรเลือกใช้สารสกัดจากธรรมชาติอย่างไรให้เหมาะกับผิวของตัวเอง?
ควรเลือกสารสกัดที่ตอบโจทย์ตามสภาพผิว เช่น ผิวมันเลือกใช้ชาเขียวที่ช่วยควบคุมความมัน ผิวแห้งเลือกว่านหางจระเข้หรือโรสฮิปที่ให้ความชุ่มชื้น ผิวแพ้ง่ายควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ปราศจากสารเคมี และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรอ่านฉลากส่วนผสมเพื่อให้มั่นใจว่าได้รับสารสกัดในปริมาณที่เพียงพอ
อ้างอิง:
- Minghui Xie, “Application of plant extracts cosmetics in the field of anti-aging”, Sciencedirect, June 2024, https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S2950306X24000128
- Monika Michalak, “Plant Extracts as Skin Care and Therapeutic Agents”, pmc.ncbi.nlm.nih, October 22, 2023, https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC10607442/